ป.ป.ส. จับหนุ่มโพสต์ขายกระท่อม-กัญชา ผ่านเฟซบุ๊ก

วันที่ 22 กรกฎาคม 2563 ป.ป.ส. ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีการโพสต์ซื้อ-ขายต้นกล้าพืชกระท่อมทางเฟซบุ๊ก จึงดำเนินการสืบสวนจนทราบว่า นอกจากการโพสต์โฆษณาซื้อ-ขายต้นกล้าพืชกระท่อมแล้ว ยังมีการซื้อ-ขายกัญชา โดยมีการจัดส่งให้กับลูกค้าผ่านทางผู้ให้บริการรับ/ส่งพัสดุต่าง ๆ อีกด้วย จึงประสานกับตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช จับผู้กระทำผิดพร้อมยาเสพติดของกลาง

นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ป.ป.ส. ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าได้พบการโพสต์โฆษณาขายต้นกล้าพืชกระท่อมผ่านทางเฟซบุ๊ก จึงเกิดความกังวลว่าประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนจะเข้าใจว่าพืชกระท่อมไม่ผิดกฎหมาย และเข้าไปติดต่อซื้อ-ขายพืชกระท่อม ป.ป.ส. จึงดำเนินการตรวจสอบโดยประสานกับตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ทำการสืบสวนจนพบข้อเท็จจริงว่ามีบุคคลลักลอบปลูกพืชกระท่อม นำมาต้ม ส่งขาย และลงโฆษณาขายผ่านทางเฟซบุ๊กจริง จึงได้เข้าตรวจค้นพบน้ำต้มพืชกระท่อม 1.25 ลิตร 2 ขวด ต้นกระท่อม 28 กิโลกรัม ต้นกัญชา 3 กิโลกรัม และยาบ้า 14 เม็ด และจับกุมผู้โพสต์ขายซึ่งเป็นชายอายุประมาณ 32 ปี

นอกจากชายดังกล่าวจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐานผลิต (ปลูก) พืชกระท่อม ผลิต (ต้ม/สกัด) จำหน่ายและครอบครองเพื่อจำหน่ายพืชกระท่อมแล้ว ยังมีความผิดฐานโฆษณายาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 20,000 -200,000 บาท อีกด้วย

ทั้งนี้ ตนขอย้ำว่าในขณะนี้กระบวนการปรับสถานะกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้

ส่วนที่ยังมีข้อห่วงใยว่า ภายหลังจากการถอดพืชกระท่อมจากยาเสพติดให้โทษแล้ว จะมีการนำพืชกระท่อมไปใช้ในทางที่ผิดหรือไม่นั้น เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายช่วยประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนถึงแนวทางที่ถูกต้องในการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม นอกจากนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีข้อแนะนำให้มีการออกกฎหมายเป็นการเฉพาะเพื่อกำกับดูแลการใช้พืชกระท่อมภายหลังการถอดจากยาเสพติดให้โทษ ซึ่ง ป.ป.ส. ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการยกร่างในเบื้องต้นแล้ว และได้เปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. พืชกระท่อม พ.ศ. … เพื่อกำหนดมาตรการควบคุมพืชกระท่อมที่เหมาะสมกับประเทศไทย ผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน ป.ป.ส. หรือเพจเฟซบุ๊ก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด