คุก 25 ปี! ลุงขับรถชนนายช่างโยธาดับ

ศาลชั้นต้นพิพากษา จำคุกลุงขับรถชนนายช่างโยธาดับตลอดชีวิต รับสารภาพ เหลือจำคุก 25 ปี

จากกรณี นายไพบูลย์ ส่างสาร อายุ 56 ปี ขับรถเก๋งพุ่งชน นายสุพรรณ ญาติบรรทุง อายุ 57 ปี นายช่างโยธา กรมทางหลวงชนบท ขณะกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านเสียชีวิต หลังมีปากเสียงกันเรื่องราวตากผ้าขวางหน้าบ้าน ก่อนขับรถไปจอดทิ้งไว้ที่สนามฟุตบอล ห่างไป 3 กม. แล้วหลบหนีไป ต่อมาตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้ออกหมายจับในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2563

ภาพจากอีจัน

ความคืบหน้าล่าสุด (24 กรกฎาคม 2563) ศาลจังหวัดพระนคศรีอยุธยา อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีดังกล่าว โดยศาลชั้นต้นพิจารณาโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเจตนาฆ่าขับรถยนต์ชนนายสุพรรณ ผู้ตาย อย่างแรงขณะยืนหันหลังอยู่บริเวณหน้าบ้าน รถยนต์บดทับและลากร่างผู้ตายติดไปเป็นระยะทางประมาณ 21 เมตร ผู้ตายถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุจำเลยให้การรับสารภาพ

พยานโจทก์เบิกความว่า จำเลยรับจ้างขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าของพยาน เพื่อรับส่งบุตรของพยาน เวลา 08.00 น. จำเลยมาที่บ้านของพยาน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านของผู้ตายเพื่อขับรถไปส่งบุตรของพยานเรียนพิเศษ โดยมีบิดาของพยานโดยสารไปกับ จำเลย จำเลยพูดเบาๆ ว่า “ขับรถชนดีมั้ย” แล้วขับรถถอยหลังกลับรถที่หน้าบ้านพยาน จากนั้นเหยียบคันเร่งเดินหน้าอย่างรวดเร็ว จนรถยนต์ชนกับผู้ตายอย่างแรง สาเหตุเนื่องจากผู้ตายกับจำเลยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเนื่องจากต่างเป็นกรรมการหมู่บ้านกรุงศรีซิตี้ จำเลยอ้างว่าผู้ตายนินทาว่าร้ายจำเลยในทางเสื่อมเสียกับคณะกรรมการประกอบกับภาพเคลื่อนไหวของกล้องบันทึกภาพหน้ารถคันที่ก่อเหตุพบว่า รถคันที่ชนผู้ตายและสถานที่เกิดเหตุสอดรับกับที่พยานเบิกความ

การที่จำเลยขับรถยนต์ด้วยความเร็วชนกระแทกผู้ตายอย่างแรงแล้วลากร่างผู้ตายห่างไปจากจุดชนประมาณ 21 เมตร แสดงว่าจำเลยประสงค์ต่อชีวิตของผู้ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุกตลอดชีวิต

จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 25 ปี ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายทดแทนแกโจทก์ร่วมที่ 1 เป็นเงิน 2,582,085 บาท และโจทก์ร่วมที่ 2 เป็นเงิน 824,700 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 บาท ต่อปี ของเงินแต่ละจำนวนดังกล่าว นับแต่วันทำละเมิด

ทั้งนี้ บรรยากาศที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่างการตัดสินศาลได้นั่งบัลลังก์โดยการวิดีโอคอลกับผู้ต้องหาที่อยู่ในเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยไม่ได้เดินทางมารับฟัง มีนางปานกมล รัศมี อายุ 44 ปี ภรรยา ของผู้เสียชีวิตและทนายความมานั่งรับฟัง

ส่วนครอบครัวของผู้ต้องหานั้นเดินทางมาที่ศาลแต่ไม่ได้มานั่งรับฟัง โดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้าน นางปานกมล ภรรยานายสุพรรณ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขอบคุณทางศาลที่ให้ความเมตตาและให้ความยุติธรรมกับครอบครัวตนเอง อยากบอกกับสังคมว่าอยู่ยากขึ้นมีคนหัวร้อนขึ้นใช้แต่อารมณ์ในการตัดสินจนเกิดเรื่องร้าย

หลังจากเกิดเหตุการณ์ตนเองไม่เคยมีวันไหนที่ไม่ร้องไห้เลย แต่ตนต้องเข้มแข็งเพื่อลูกชาย ตนต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ และตั้งแต่เกิดเหตุมาตนไม่เคยได้เยียวยาจากครอบครัวผู้ต้องหาเลย และไม่เคยมีการพูดคุยกันเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง ตนเองอยู่อย่างหวาดระแวง แต่ตนต้องอยู่เพื่อลูกชาย

นางปานกมล บอกอีกว่า ทุกวันนี้ตนเองยังออกมายื่นหน้าบ้านรดน้ำต้นไม้ทุกต้นที่สามีของตนเองปลูกเอาไว้ ต้นไม้ที่ถูกชนจนกระถางแตกตนเองก็นำกระถางมาเปลี่ยนใหม่ แต่ต้นไม้ก็เป็นต้นเดิมที่สามีชอบ ทุกวันนี้ตนคิดว่าสามีของตนเองยังมีชีวิตอยู่เหมือนกับต้นไม้ที่ไม่เหี่ยวหรือตาย และยังคอยให้ความช่วยเหลือปกป้องครอบครัวอยู่ตลอดเวลา ส่วนการยื่นอุทธรณ์หรือไม่ ตนขอปรึกษากับทีมทนายความอีกครั้ง เพื่อหาแนวทางต่อไป