ศบค. จ่อ ผ่อนคลายมาตรการสถานศึกษา ให้นักเรียนกลับมาเรียนตามปกติ

ศบค. เผย ศธ. ร่วม สธ. เตรียมพิจารณาให้นักเรียนกลับมาเรียนตามปกติ แต่ยังต้องมีมาตรการป้องกันเข้ม ส่วนมาตรการของรถโดยสารสาธารณะยังอยู่ในเกณฑ์ดี

วันนี้ (27 ก.ค.63) นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ได้พูดถึงแนวทางการผ่อนคลายมาตรการของสถานศึกษา ว่า ศบค.ให้ทางกรมควบคุมโรคร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการร่วมกันประเมินแนวทางป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งที่ผ่านมาหลังสถานศึกษาเปิดมาเกือบ 1 เดือน ยังไม่พบการติดเชื้อจากกลุ่มเด็กนักเรียน ซึ่งกลุ่มเด็กเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อค่อนข้างต่ำ จากรายงานของทั้งประเทศมีเพียง 1-6 % และตั้งแต่มีการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย มีเด็กกลุ่มอายุ 0-9 ปี 1.9 % (62 ราย) ส่วนกลุ่มอายุ 10-19 ปี 3.87% (126 ราย) และไม่พบรายงานการป่วยเป็นกลุ่มก้อน ในโรงเรียนและยังไม่มีการระบาดในโรงเรียน

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

ขณะนี้มี 4,528 โรงเรียน ที่ต้องใช้วิธีการสลับเวลาเรียน หรือสลับวันเรียน เพราะว่าเด็กมีจำนวนมากกว่าห้องเรียนหรือโรงเรียนมีขนาดเล็ก ทำให้ไม่ได้เรียนตามปกติ
ผลกระทบที่ตามมา คือ
– การเรียนรู้ของนักเรียนจะถดถอยลง
– การเหลื่อมล้ำของการเข้าถึงทรัพยากรทางการศึกษา
– ผลกระทบทางโภชนาการ
– ขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
– การออกจากการเรียนกลางคัน
– ผู้ปกครองอาจจะต้องลางาน สูญเสียรายได้
จึงมีการประชุมร่วมกันระหว่าง กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ เกี่ยวกับข้อพิจารณาในการผ่อนคลาย คือให้นักเรียนไปเรียนได้ตามปกติ แต่ต้องจัดห้องเรียน จัดโต๊ะเรียนให้ห่างกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กรณีห้องแอร์ ให้เปิดประตู หน้าต่าง ช่วงพักเที่ยง หรือช่วงที่ไม่มีการเรียนการสอน มีการบันทึกข้อมูลการป่วยโรคทางเดินหายใจ การกำกับโดยคณะกรรมการสถานศึกษาและหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และปรับมาตรการตามสถานการณ์การระบาดและข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนั้นเป็นระยะๆ

ด้านกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจประเมินติดตามแนวปฏิบัติป้องกันความเสี่ยงของการติดโรคโควิด-19 หลังการเปิดภาคเรียน พบสถานศึกษามีมาตรการความปลอดภัยลดการแพร่เชื้อถึงร้อยละ 99.47 จาก 25,140 โรงเรียนที่เข้าสำรวจ และมีข้อมูลรายงาน 687 ราย มีอาการป่วยด้วยไข้หวัด ไอ น้ำมูก เจ็บคอ ไม่ได้กลิ่น หายใจลำบาก ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ไม่พบรายงานเด็กติดโควิด-19

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

นอกจากนี้ นพ.ทวีศิลป์ ได้กล่าวถึงเรื่องของการผ่อนคลายมาตรการของรถโดยสารสาธารณะ ว่า ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม เผยว่ามาตรการต่างๆได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการขนส่งของทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นอย่างดี ซึ่งในช่วงวันหยุดยาวมีประชาชนใช้บริการเป็นจำนวนมาก ในเรื่องของการเดินทาง การจองตั๋วล่วงหน้า พนักงานขับรถ ผู้ประจำรถ สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดทาง มีมาตรการชัดเจน ส่วนการกำกับดูแลที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จุดที่ 2 ก็คือ จุดเช็กพ้อยท์ จำนวน 99 จุด ที่กระจายไปทุกๆ 90 กม. ตลอด 24 ชม.

ซึ่งจากการประเมินผลเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.63 -19 ก.ค. 63 ประชาชนให้ความร่วมมือในการใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า 99.7 % แอลกอฮอล์ 98.22% การเว้นระยะห่าง 99.97 % และใช้คิวอาร์โค้ดไทยชนะ 98.74 % ทั้งหมดนี้คือ ข้อมูลจากภาครัฐที่ได้มีการประเมิน ขอให้ประชาชนที่ใช้บริการ เป็นผู้ให้การประเมินด้วย