“เก้า เกริกพล” ลั่นความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ท้า “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” หากตั้งโต๊ะแถลงขอให้พูดความจริง!

“เก้า เกริกพล” รับปรึกษาทนายเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ท้า “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” หากตั้งโต๊ะแถลงขอให้พูดความจริงทั้งหมด

เป็นดราม่าที่ร้อนแรงมากๆ มนตอนนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับปมส่วนแบ่งและค่าตัวของ "เจนนี่ รัชนก สุวรรณเกตุ " หรือ "เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น" นักร้องสาวลูกทุ่งเเดนสะตอ กับคู่กรณีอย่าง "เก้า เกริกพล เพชรรัตน์" นักร้องหนุ่มวัย 17 ปี ที่ร่วมฟีเจอร์ริ่งเพลงดัง "เลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว" จนตอนนี้เพลงดังเป็นพลุเเตกยอดวิวทะลุหลายร้อยล้านวิว

ภาพจากอีจัน


โดยดราม่าของทั้งคู่นั้นเริ่มต้นมาจากเพจหนึ่งแฉว่า ค่ายดังโกงเงินนักร้องหนุ่มจนเกิดเสียงวิจารณ์อย่างหนัก จากนั้นไม่นานทาง "เจนนี่" ก็ได้งัดหลักฐานการโอนเงินออกมาเคลียร์ว่ามีการโอนให้ 10,000 บาท ก่อนถ่ายทำเอ็มวีให้กับทางนักร้องหนุ่ม "เก้า เกริกพล" ไปแล้ว พร้อมบอกอีกว่าทางฝั่งพ่อของนักร้องหนุ่มโทรมาสอบถามเรื่องส่วนแบ่งจากยอดวิวยูทูบ ส่วนตัวก็ได้มีการโอนเงินไปให้อีกจำนวน 20,000 บาท แต่อีกฝ่ายโอนคืนกลับมา และยันไม่เคยโกงใคร

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


ล่าสุด (30 กรกฎาคม 2563) หนุ่มเก้าได้เปิดใจว่า ประเด็นดังกล่าวนั้นทางตนเองไม่ได้เป็นคนเปิดเรื่องดังกล่าว แต่ปัญหาเกิดจากแฟนคลับทั้ง 2 ฝ่ายต่างเข้ามาคอมเมนต์ด่าทอกันไปมาจนเกิดเรื่องขึ้น หลังจากนั้นเขาก็กลับมาโพสต์ชี้เเจงพร้อมพาดพิงถึงคุณพ่อและคุณแม่ ทำให้หลายคนเข้ามาโจมตีครอบครัวถึงขั้นโดนด่าทอไปถึงบรรพบุรุษ รวมไปถึงหาว่าตนนั้นไปร่วมมือกับทางเพจๆ หนึ่งที่ออกมาแฉ ซึ่งส่วนตัวและครอบครัวไม่เคยรู้จักกับเพจดังกล่าว

ภาพจากอีจัน
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นทางฝั่ง "เจนนี่" ได้พยายามติดต่อเข้ามาเพื่อเจรจาแต่ส่วนตัวนั้นพร้อมเคลียร์ แต่มองว่าทำไมทางฝั่งโน้นเพิ่งจะมาเคลียร์ในช่วงที่มีกระเเสข่าว เพราะก่อนหน้านี้เองทางเราก็พยายามติดต่อพูดคุยแต่อีกฝ่ายกลับเพิกเฉย อีกทั้งส่วนตัวเขาอยากเคลียร์แต่กลับโพสต์เฟซบุ๊กในเชิงที่ทำให้เรื่องกลับใหญ่โต
ภาพจากอีจัน
เมื่อถามถึงรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับสัญญาใจที่เป็นปัญหาไม่ว่าจะเป็นค่าตัว ค่าส่วนแบ่งรายได้จากยูทูบ ตลอดจนค่าออกรายการต่างๆ ต้องบอกว่ารายละเอียดเป็นไปตามที่ตนได้เปิดใจในไลฟ์สด แม้ว่าตนเองจะไม่มีหลักฐานแต่ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นความจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าตัวที่ทางคุณแม่ของเจนนี่ได้มาพูดคุยก่อนวันอัดเสียงว่าหากปล่อยไปแล้วเพลงได้รับการตอบรับก็จะแบ่งรายได้จากยอดคนดูของยูทูบจำนวน 70 / 30 เปอร์เซ็นต์ และให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่เอาเปรียบ แต่หลังจากเพลงได้รับกระเเสดังขึ้นมา สิ่งที่สัญญาใจในวันนั้นกับวันที่เพลงดังมันเหมือนหนังคนละม้วนคืออีกฝั่งกลับคำ โดยอ้างว่าเพลงดังกล่าวเป็นของเขาหากอยากได้รับส่วนแบ่งต้องมาเซ็นสัญญากับทางค่ายเขา รวมไปถึงห้ามนำเพลงดังกล่าวไปร้องในเวอร์ชั่นผู้ชาย
ภาพจากอีจัน


ส่วนเงินจำนวน 10,000 บาท คือมีการโอนมาให้จริง ซึ่งส่วนตัวคิดว่าโอนให้ไว้กินขนม และค่าเดินทางในการไปอัดเสียงร้องวันแรก ตนก็เข้าใจแบบนั้นเพราะเขาบอกว่าเป็นค่าขนมและค่าเดินทางเอง ไม่ได้เข้าใจว่าเป็นค่าตัว ทั้งนี้ตนอยากจะบอกว่าพอวันที่ถ่ายทำเอ็มวีทางอีกฝั่งแจ้งมาว่าให้เราเองนั้นชื้อชุดตามคอนเซ็ปท์เอ็มวี จำนวน 6,000 บาท ซึ่งแม้ว่าเขาไม่ได้กำหนดราคาแต่เราก็พร้อมจ่ายเพื่อความทุ่มเทให้งานออกมาดี ตลอดจนยังไม่รวมถึงค่าที่พักและค่าเดินทางกว่า 2,000 บาท ที่ต้องออกหมด

ภาพจากอีจัน


หลังจากนั้นตนและอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีการติดต่อและพูดคุยกันถึงเรื่องเพลงดังกล่าวอีกเลย พอจังหวะที่เพลงดังกล่าวมียอดวิวเป็นหลักล้าน ตนก็ได้โทรไปแสดงความยินดีแต่กลับได้ยินคำพูกดที่ว่าเพลงดังกล่าวไม่ใช่ของตนแต่เป็นของเขา ส่วนตัวก็ปล่อยผ่านเพราะไม่ได้หวังอะไร ทั้งนี้ในส่วนที่เป็นประเด็นที่อีกฝั่งบอกว่าพ่อของตนโทรไปขอส่วนแบ่ง 30 เปอร์เซ็นต์นั้น พ่อโทรไปจริง แต่ไม่ได้ทวงถามถึงส่วนแบ่ง 30 เปอร์เซ็นต์ แค่โทรไปสอบถามว่ายอดวิวดังกล่าวทะลุ 100 ล้านแล้ว มีอะไรจะให้น้องบ้าง แม้แต่คำขอบคุณยังไม่มีให้น้องเลย แต่เขาพูดว่า ที่พ่อคุยมาแบบนี้ต้องการเท่าไหร่ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่โอเค ยืนยันว่าทางคุณพ่อไม่ได้ใช้คำพูดไม่เหมาะสม หลังจากวางสายวันนั้นทางอีกฝั่งก็ได้โอนเงินมาจำนวน 20,000 บาท แต่ด้วยสิ่งที่เขาทำนั้นตนมองว่าไม่ได้ทำด้วยใจเพราะทำไปด้วยอารมณ์ เลยโอนเงินจำนวนดังกล่าวคืนกลับไป ยังไม่รวมถึงเรื่องค่าตัวที่ตนเดินสายออกรายการกับทางฝั่งโน้น ยืนยันว่าเวลาไปออกรายการต่างๆ ตนได้ค่าตัวจากอีกฝั่งเพียง 500 บาท เผยแค่ค่าเดินทางก็หมดแล้ว เพราะส่วนตัวเดินทางมาจากใต้ได้แค่ 500  ทั้งที่เขาเองก็ได้รับมาอีกราคาหนึ่งแต่มาแบ่งให้ตนในสัดส่วน 500 บาท ทั้งที่ตนทราบดีว่าค่าตัวนั้นเท่าไหร่

หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่อนาคต เพราะก่อนหน้านี้ที่ได้บอกไว้ว่าตนเองพร้อมจะเคลียร์แต่ทางอีกฝั่งเพิกเฉย เพราะก่อนหน้านี้ตนได้คุยกับทางผู้ใหญ่และเจ้าหน้าที่ทางกฎหมายได้ส่งเอกสารทวงถามถึงรายได้จากยูทูบแต่ทางอีกฝั่งก็มีการเซ็นรับทราบแต่ก็นิ่งเฉย ตอนนี้เรื่องดังกล่าวตนก็ได้มีการปรึกษาทนายความเพิ่มเติม ทางผู้ใหญ่ก็บอกว่าหากจะฟ้องร้องสามารถทำได้ เพราะคลิปเพลงนั้นมีเสียงและภาพของเราอยู่ โดยที่เจ้าของภาพและเสียงไม่ได้รับผลประโยชน์ แม้ว่าตอนนี้ตนเองยังไม่เลือกที่จะฟ้อง แต่อนาคตก็ต้องรอดูอีกฝั่งว่าอย่างไร เพราะสุดท้ายแล้วจุดประสงค์ที่ตนต้องการคือการที่ให้เขาอีกฝ่ายออกมาพูดความจริงทั้งหมด "ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย คนที่พูดรู้ดีที่สุด"

และวันที่ 4 สิงหาคม 2563 อีกฝั่งตั้งโต๊ะแถลงหากคำพูดไหนตนพูดไม่จริงให้บอกมาเลย ขอแค่อีกฝั่งพูดความจริงมาทั้งหมด