อัยการสูงสุดแถลงความคืบหน้าดำเนินคดี “บอส อยู่วิทยา”

สำนักงานอัยการสูงสุด เผย ตั้งคณะพนักงานอัยการเป็นคณะทำงานพิจารณามีคำสั่งคดี “บอส อยู่วิทยา” ให้เรียกสำนวนสอบสวนประเด็นความเร็วรถใหม่ พร้อมทั้งสั่งพนักงานสอบสวนแจ้งความข้อหาเสพโคเคน เป็นคดีใหม่

วันนี้ (10 ส.ค. 63) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ว่า ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งที่ พิเศษ/ 2563 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2563 ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดี สำนวน ส.1 เลขรับที่ 107/2556 ของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 คดีระหว่าง พันตำรวจโทวิรดล ทับทิมดี ผู้กล่าวหา นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ผู้ต้องหาที่ 1 และ ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้ต้องหาที่ 2 ต่อมาเมื่อคณะทำงานได้ตรวจพิจารณาการสั่งสำนวนดังกล่าวเสร็จสิ้น และได้แถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบแล้วเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 63 ที่ผ่านมา

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
โดยคณะทำงานได้ตรวจพบว่า ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ที่มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องไปแล้วนั้น ได้ปรากฏพยานหลักฐานใหม่ซึ่งเป็นพยานสำคัญสามารถทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาที่ 1 ได้ จึงเข้าหลักเกณฑ์ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147 ที่สามารถแจ้งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนต่อไป และคณะทำงานยังตรวจสำนวนพบว่ามีหลักฐานการตรวจพบยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคเคน) ในร่างกายผู้ต้องหาที่ 1 แต่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนผู้ต้องหา ในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) โดยคณะทำงานได้ทำบันทึกรายงานและกราบเรียนอัยการสูงสุดให้ดำเนินคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ผู้ต้องหาที่ 1 ต่อไป ต่อมา อัยการสูงสุดได้พิจารณารายงานของคณะทำงานดังกล่าวแล้ว เห็นชอบด้วยกับข้อเสนอของคณะทำงานและอัยการสูงสุดได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 จึงมีคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 1400/2563 ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2563 แต่งตั้งพนักงานอัยการเป็นคณะทำงานพิจารณามีคำสั่งคดีอาญาสำนวน ส.1 เลขรับที่ 107/2556 ของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ดังนี้ 1. นายอิทธิพร แก้วทิพย์ หัวหน้าคณะทำงาน 2. นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองหัวหน้าคณะทำงาน 3. นายอุทัย สังขจร คณะทำงาน 4. นายประยุทธ เพชรคุณ คณะทำงานและเลขานุการ 5. นายนรา เขมอุดลวิทย์ คณะทำงานและผู้ช่วยเลขานุการ โดยมีนายสมใจ โตศุกลวรรณ์ เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน ทั้งนี้ ให้คณะทำงานมีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยให้ดำเนินการเรียกสำนวนคดีดังกล่าวเพื่อพิจารณา สั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมหรือส่งพยานคนใดมาให้ซักถาม และหากปรากฏว่ามีพยานหลักฐานใหม่ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อพิจารณาสั่งคดีต่อไป
ภาพจากอีจัน
วันนี้ (10 สิงหาคม 2563) คณะทำงานตามคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 1400/2563 ดังกล่าว ได้ประชุมพิจารณาสำนวนคดี ส.1 เลขรับที่ 107/2556 ของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 แล้ว คณะทำงานได้มีคำสั่งทางคดี ดังนี้ คดีนี้ พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานกระทำ โดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4 และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการแล้วเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2563 อันเป็นผลให้คดีต้องห้ามมิให้ทำการสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 ในเรื่องเดียวกันนั้นอีก เว้นแต่จะได้พยานหลักฐานใหม่ อันสำคัญแก่คดี ซึ่งน่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหานั้นได้ ทั้งนี้ ตามนัยประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147 ภายหลังจากพนักงานอัยการได้มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ดังกล่าวแล้ว ได้ปรากฏข้อเท็จจริงทางสื่อมวลชนอย่างแพร่หลายว่ามีผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นเกี่ยวกับอัตราความเร็วในการขับรถของผู้ต้องหาที่ 1 แตกต่างจากอัตราความเร็วที่ใช้เป็นข้อเท็จจริงในการพิจารณาความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ดังนี้ 1.ปรากฏข้อเท็จจริงจากคำให้สัมภาษณ์ทางสื่อมวลชนของ ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นผู้คำนวณความเร็วรถยนต์ที่ผู้ต้องหาที่ 1 ขับ ได้ความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 2.ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้คำนวณความเร็วรถยนต์ ของผู้ต้องหาที่ 1 ขับได้ความเร็ว 126 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คณะทำงานได้ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการให้สัมภาษณ์และการคำนวณของดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ และดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ เป็นพยานหลักฐานใหม่ตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147 โดยเห็นว่า พยานหลักฐานใหม่ หมายถึง พยานหลักฐานที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในสำนวนการสอบสวนและเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญ ซึ่งอาจมีผลให้การพิจารณาความเห็นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้ ดังนั้น ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเร็วของรถยนต์ที่ผู้ต้องหาที่ 1 ขับในขณะเกิดเหตุจึงเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญ และสามารถทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาที่ 1 ได้ ถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่ควรสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งคดีต่อไป ตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147 คณะทำงานจึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ ดังนี้ 1.ให้สอบสวน ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์และดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ เป็นพยานตามรูปคดี ที่คณะทำงานได้กำหนดเป็นประเด็นในหนังสือสั่งสอบสวนเพิ่มเติม 2. ให้สอบสวนนายกสภาวิศวกรหรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นพยานในประเด็นว่า ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรของ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ขาดต่อใบอนุญาตจริงหรือไม่ การขาดต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรจะมีผลต่อการทำเอกสารรับรองการคำนวณความเร็วของรถยนต์ที่ผู้ต้องหาที่ 1 ขับ มากน้อยเพียงใด การคำนวณความเร็วของรถยนต์ที่ผู้ต้องหาที่ 1 ขับ มีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด 3. นอกจากนี้ยังปรากฏว่าผลการตรวจร่างกายของผู้ต้องหาที่ 1 พบสารโคเคน ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 คดีจึงมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ 1 ในความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคเคน) เข้าสู่ร่างกาย โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แต่พนักงานยังไม่ได้ดำเนินคดีข้อหานี้กับผู้ต้องหาที่ 1 คณะทำงานจึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา เป็นคดีใหม่ต่อไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ คณะทำงานได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าวโดยด่วน โดยให้จัดส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมภายในวันที่ 20 สิงหาคม 2563 นี้