ส่งสาวซิ่งเบนซ์ชนกราดรักษาตัว จ่อแจ้ง 4 ข้อหาหนัก!

รองโฆษก ตร.เผย ส่งสาวซิ่งเบนซ์ชนกราดรักษาอาการบาดเจ็บ จ่อแจ้ง 4 ข้อหาหนัก หลังตรวจเจอแอลกอฮอล์สูง

คืบหน้าสาวซิ่งเบนซ์ชนกราด รถตำรวจกู้ภัยชาวบ้านเสียหายอื้อ
ล่าสุดวันนี้ 12 ส.ค. 2563 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี ตำรวจจับกุม หญิงสาวขับรถเก๋งเบนซ์สีดำ ขับรถเฉี่ยวชนยานพาหนะผู้อื่น ตั้งแต่แยกแยกแคราย มาจนถึงถนนพระราม 6 ซึ่งผู้ได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ตามที่สื่อนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ภาพจากอีจัน


โดยเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 63 เวลาประมาณ 22.00 น. ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ขับรถยนต์เฉี่ยวชนแล้วหลบหนีมีรถได้รับความเสียหายและผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย บริเวณ ถนนกำแพงเพชร แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ จึงแจ้งสกัดจับและเข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ภาพจากอีจัน


เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ รถคันดังกล่าว ถูกพลเมืองดี และตำรวจล้อมจับไว้ที่บริเวณ หน้าโชว์รูมอีซูซุ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ จากการตรวจสอบพบเป็นรถยนต์ ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ รุ่น E250d สีดำ สภาพด้านหน้ามีร่องรอยการเฉี่ยวชน กระจกด้านหลังถูกทุบจนแยกเสียหาย ภายในรถพบ ผู้ขับขี่ เป็นหญิง อายุ 37 ปี สวมชุดเดรสลายดอกสีฟ้า มีแผลแตกบริเวณคิ้วขวา เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญูจึงได้ปฐมพยาบาลก่อนนำตัวมายัง สน.บางซื่อ จากเหตุการณ์นี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย เบื้องต้นมีรถยนต์ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 2 คัน ได้รับความเสียหาย

ภาพจากอีจัน
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ในขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหายังไม่สามารถให้การได้ ซึ่งจากการตรวจวัดแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดพบปริมาณแอลกอฮอล์ 257 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เบื้องต้นได้ส่งตัวไปรักษาที่ รพ.เปาโล สะพานควาย ก่อนจะควบคุมตัวกลับมาแจ้งข้อหาในความผิดฐาน “ขับรถในขณะเมาสุราหรือสิ่งของมึนเมาอย่างอื่น ,ขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนผู้อื่นเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย, ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือ และ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่“
ภาพจากอีจัน


ซึ่งในข้อหาความผิดดังกล่าว มีอัตราโทษอยู่ในอำนาจศาลแขวง หากผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวน จะดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลแขวง ภายในระยะเวลา 48 ชั่วโมง แต่หากให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวน จะยื่นขอผัดฟ้องฝากขังผู้ต้องหาต่อศาล พร้อมสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อดำเนินดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ภาพจากอีจัน


ทั้งนี้ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในทุกพื้นที่และกองบังคับการตำรวจจราจร กวดขันการตรวจสอบการขับขี่ยานพาหนะขณะเมาสุราและด่านตรวจแอลกอฮอล์ต่างๆอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดอัตราความสูญเสียต่างๆ ประกอบกับได้เน้นย้ำในการสร้างช่องทางการรับรู้ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพิ่มมาตรการในการป้องกัน สร้างความตระหนักในการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง โดยดำเนินการควบคู่กันไปทั้งการปลูกจิตสำนึกและบังคับใช้กฎหมาย เพื่อสร้างความปลอดภัยในสังคม รวมทั้ง ดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน