สรุปม้วนเดียว! เรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้าน ครม.อนุมัติ ซื้อเพื่อปกป้องประเทศ ?

สนั่นประเทศ! ครม. อนุมัติ ซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ กว่า 2 หมื่นล้านบาท ด้านกองทัพเรือ แจงด่วน! มีเรือดำน้ำเพื่อปกป้องประเทศชาติ

สรุปไทม์ไลน์ ประเด็นสนั่นประเทศ! ครม.อนุมัติ ซื้อเรือดำ ลำที่ 2 และ 3

ประเด็น การจัดซื้อเรือดำน้ำ เกิดขึ้นในทุกรัฐบาล
จนกระทั่งปี 2558 รมว.กลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอช นายกรัฐมนตรี เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางทหาร


ภาพจากอีจัน
2 เดือนต่อมา 28 เม.ย.2558 ประเด็นการซื้อเรือดำน้ำ ถูกยกขึ้นมาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อีกครั้ง โดย ครม.มีมติอนุมัติให้ยกเลิกการชะลอโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ ซึ่งเป็นมติ ครม. ปี 2555 และเห็นชอบหลักการให้กองทัพเรือศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ พร้อมทั้งให้สำรวจ อู่ต่อเรือดำน้ำชั้นนำของโลก ซึ่งต่อมาพบว่า มีอู่ต่อเรือดำน้ำชั้นนำ 6 แห่ง แต่ข้อเสนอที่ดีที่สุดอยู่ที่ สาธารณรัฐประชาชนจีน และเรือดำน้ำที่กองทัพเรือเสนอคือ Yuan Class S26
ภาพจากอีจัน
> ก.ค.59 กระทรวงกลาโหมอนุมัติความต้องการซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำ ของกองทัพเรือ


> 18 เม.ย. 60
ครม. พล.อ.ประยุทธ์ อนุมัติจัดซื้อเรือดำน้ำ จากประเทศจีน จำนวน 1 ลำ ในวงเงิน 13,500 ล้าน บาท โดยจะส่งมอบในปี 2566 และมีแผนการจัดซื้อ อีก 2 ลำ รวมเป็นเงิน 36,000 ล้านบาท ในเวลา 11 ปี
ต่อมา 1 พ.ค. 60 เสนาธิการทหารเรือ และประธานคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำในขณะนั้น เป็นผู้แทน ผบ.ทร.ไปลงนาม ข้อตกลง G TO G ระหว่างไทย กับ จีน ในการจัดซื้อเรือดำน้ำทั้ง 3 ลำ จากจีน

> วันที่ 7 ต.ค. 62 กองทัพเรือ ของบประมาณรายจ่าย ปี 2563 เพื่อจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และ 3 ในวงเงิน 22,500 ล้านบาท

> เดือน พฤษภาคม 63 ไทยเกิดวิกฤตโควิด-19 รัฐบาลจึงขอให้แต่ละหน่วยงาน โอนงบประมาณปี 2563 กลับคืนมา เพื่อนำเงินไปแก้ปัญหาโควิด-19 โดยกองทัพเรือก็ได้คืนงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ซึ่งในงบที่คืนไปนั้น มีงบประมาณการซื้อเรือดำน้ำด้วย


ภาพจากอีจัน
กระทั่ง มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 กองทัพเรือ ได้ขออนุมัติงบผูกพัน ที่ต้องได้ทุกปีอยู่แล้ว เพื่อนำมาจัดซื้อเรือดำน้ำ ทั้ง 2 ลำที่เหลือ > วันที่ 21 ส.ค. 63 คณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจและทุนหมุนเวียน ร่วมกันพิจารณา เรื่องที่กองทัพเรือ ขอซื้อเรือดำน้ำจากจีน 2 ลำ เป็นเงิน 22,500 ล้านบาท โดยคณะอนุกรรมาธิการฯ ชุดนี้ มี 9 คน ไม่เข้าร่วมพิจารณา 1 เสียง เหลือ 8 เสียง ผลการลงมติ คะแนนเสียงเสมอกัน 4 ต่อ 4 โดยคนที่ “ลงมติอนุมัติ” 4 คน เป็น ส.ส. จากฝั่งรัฐบาล ส่วนคนที่ “ลงมติไม่อนุมัติ” 4 คน เป็น ส.ส.จากฝั่งฝ่ายค้าน เมื่อคะแนนเสียง เสมอกัน 4 ต่อ 4 ทำให้ไม่สามารถสรุปได้ "นายสุพล ฟองงาม" ประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ จากพรรค พลังประชารัฐ ชี้ขาดลงมติเห็นชอบ "ทำให้การซื้อเรือดำน้ำ ผ่านการอนุมัติ”
ภาพจากอีจัน

หลังมีมติเห็นชอบ อนุมัติซื้อเรือดำน้ำ ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างมาก ถึงความเหมาะสม!
เนื่องจากขณะที่ลงมติเห็นชอบ ประเทศไทยยังเผชิญกับผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 อย่างหนัก โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ที่ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่สร้างความเดือดร้อนสาหัสให้ประชาชน ณ ขณะนี้

ภาพจากอีจัน
ต่อมา ส.ส. ฝ่ายค้าน ซึ่งอยู่ใน คณะอนุกรรมาธิการฯ ออกมาเปิดเผยข้อมูลเบื้องลึก หลังมีมติอนุมัติ ซื้อเรือดำน้ำ โดยอ้างว่า – กองทัพเรือ เคยเข้ามาชี้แจง ถึงความจำเป็นในการซื้อเรือดำน้ำ ตอนนั้นคณะอนุกรรมาธิการฯ ถามว่า “เลื่อนการจัดซื้อเรือดำน้ำ ออกไปได้ไหม” กองทัพเรือ บอกว่า “เลื่อนไม่ได้เพราะมี MOU กับจีนอยู่” แต่ในวันนั้น กองทัพเรือ ไม่ได้นำ MOU มาด้วย – กระทั่ง วันพิจารณาจัดซื้อเรือดำน้ำ วันที่ 21 ส.ค. 63 กองทัพเรือนำ MOU มาด้วย และใช้เวลา 2 ชั่วโมง ชี้แจงความ จำเป็นที่ต้องซื้อ โดยมี 2 สาเหตุหลัก คือ 1. เพื่อแสนยานุภาพอันกว้างไกลของประเทศไทย 2.ถ้าไม่ซื้อปีนี้ จะไม่ได้ราคาโปรโมชั่นที่คุ้มค่า แต่ใน MOU ที่กองทัพเรือ นำมาให้ดูนั้น ไม่มีข้อไหน ระบุว่า ถ้าไม่ซื้อเรือดำน้ำ ทั้ง 2 ลำ จะสร้างความเสียหายอะไร และใน MOU พูดถึงเฉพาะเรือลำแรกที่จัดซื้อไปก่อนหน้านี้ เท่านั้น ดังนั้นตามหลักการแล้ว คณะอนุกรรมาธิการฯ ก็ไม่ควรลงมติเห็นชอบ
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

ล่าสุด วันนี้ (24 ส.ค. 63) กองทัพเรือ ตั้งโต๊ะแถลงด่วน หลังเกิดเสียงวิจารณ์อย่างหนัก
โดย พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ และ พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ
– เรือดำน้ำ ที่ซื้อไปแล้ว 1 ลำ เป็นเงิน 13,500 ล้านบาท กองทัพเรือ ทยอยจ่าย 7 ปี คืออยู่ในระหว่าง ปี 2560 – 2566
– หลังการพูดคุยกับจีน ทำให้ การจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และ 3 ถูกกว่าการซื้อเรือลำแรก แถมได้รับอุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นด้วย
– ส่วนการจัดซื้อเรือดำน้ำ ให้ครบ 3 ลำ ไม่ใช่การของบประมาณใหม่ในปี 2564 แต่เป็นงบประมาณรายปี ที่ กองทัพเรือได้รับตามปกติอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ใน พ.ร.บ. งบประมาณ 2563
– การชำระเงิน จัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และ 3 ตามเดิมต้องจ่ายทุกปี เริ่มต้นแต่ ปี 2563 – 2569 รวมเป็นเงิน 22,500 ล้านบาท แต่เกิดโควิด-19 จึงทำให้ต้องคืนเงินปี 2563 ให้รัฐบาล เพื่อนำไปแก้ปัญหาในประเทศก่อน
– การมีเรือดำน้ำ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ 24 ล้านล้าน ในทะเลจีนใต้ โดยกองทัพเรือ ได้พิจารณาอย่าง รอบคอบ คุ้มค่าต่อเศรษฐกิจ ยุทธการ

อย่างไรก็ตาม แม้ทางกองทัพเรือจะออกมาชี้แจงถึงปมข้อสงสัยต่างๆแล้ว แต่สังคมก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงความเหมาะสมและความจำเป็น ที่ตอนนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนทั้งกับโรคระบาดและเศรษฐกิจ แต่ทางรัฐบาลกลับจัดงบไปซื้อเรือดำน้ำราคาแสนแพง ว่า มันใช่เวลาที่จะซื้อตอนนี้ไหม?