จากกรณีที่ คุณบุ๋ม หรือ น.ส.อัมพิกา หนองอุดม อายุ 30 ปี ได้โพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิด โดยเป็นเหตุการณ์ขณะที่ตนเองถูกหญิงคนหนึ่งทำร้ายร่างกาย โดยการกระชากผมลงมาจากบันไดเลื่อน เหตุเกิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา คาดว่าหญิงสาวคนดังกล่าวอาจไม่พอใจที่ตนเองจองที่นั่งบนรถตู้ ซึ่งคุณบุ๋มได้มีการไปแจ้งความเอาไว้เรียบร้อยแล้วที่ สน.พญาไท
อ่านข่าว : เหตุเกิดเพราะจองที่นั่งรถตู้! สาวถูกจิกหัว กระชากผมกลางอนุสาวรีย์ชัยฯ
ภาพจากอีจัน
ความคืบหน้าล่าสุด (16 ก.ย. 2563) พนักงานสอบสวน สน.พญาไท เรียกตัว น.ส.ปาริชาติ โพธิ์สานันทา หรือ หนิง อายุ 50 ปี หญิงที่ก่อเหตุมาสอบปากคำเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา “ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” และ “ดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า” ก่อนนัดวันไปยื่นฟ้องต่อศาลแขวงดุสิต พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รองผู้กำกับการสอบสวนสน.พญาไท เปิดเผยว่า ได้นำตัว น.ส.ปาริชาติ มาสอบปากคำเพิ่มเติม ในประเด็นที่พนักงานสอบสวนสงสัย ก่อนจะนำตัวไปส่งฟ้องต่อศาลแขวงดุสิต ส่วนจะมีการไกล่เกลี่ยกันระหว่างผู้เสียหายกับคู่กรณีหรือไม่นั้น ต้องสอบถามความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่ น.ส.ปาริชาติ มารับทราบข้อกล่าวหา ผู้เสียหายก็เดินทางมาที่ สน. พญาไท เพื่อเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งเจรจาไกล่เกลี่ยกับทาง น.ส.ปาริชาติ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่ น.ส.ปาริชาติ จะวิ่งลงมาทางบันไดด้านข้าง และออกประตูข้าง สน.พญาไท ขึ้นวินจักรยานยนต์ หนีออกไปทันที โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชนที่พยายามวิ่งตามมาสอบถามภาพจากอีจัน
รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวน สน.พญาไท ได้ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุและไล่ตามเส้นทางที่ น.ส.ปาริชาติ เดินทางจนกระทั่งทราบว่า น.ส.ปาริชาติ เป็นเจ้าของร้านแห่งหนึ่ง จึงให้ชุดสืบสวนไปเชิญตัวมาสอบปากคำ เบื้องต้น เจ้าตัวให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุในคลิปจริง สาเหตุที่ทำลงไปเนื่องจากมีอารมณ์โมโห ที่คู่กรณีนั่งขวางที่นั่งซึ่งควรเป็นสิทธิ์ของเธอ ก่อนจะมีปากเสียงกันและก่อเหตุดังกล่าว ด้าน น.ส.อัมพิกา ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนไม่ได้คุยกับคนก่อเหตุเลย เขาไม่มองหน้า หรือขอโทษตนกับสิ่งที่ทำไป หรือแม้แต่แสดงความสำนึกผิด ส่วนเรื่องคดีอาญา ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โดยตำรวจให้ตนไปตรวจร่างกาย เพื่อนำใบรับรองแพทย์มาประกอบการแจ้งความอีกครั้งภาพจากอีจัน
ทั้งนี้ตนได้เรียกร้องค่าเสียหายเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง ค่าเสียเวลา ค่าทำขวัญไปจำนวน 50,000 บาท แต่คู่กรณีกล่าวหาว่า การแจ้งความของตนนั้นเกินแก่เหตุ ถามว่าสิ่งที่ตนเรียกร้องนั้นเกินไปหรือไม่เพราะตนก็มีลูกเล็ก หากวันนั้นถูกกระชากตกบันไดเลื่อนเป็นอะไรขึ้นมา จะบาดเจ็บมากกว่านี้หรือไม่ ซึ่งในวันที่ 6 ต.ค. นี้ ตำรวจจะนัดคู่กรณีส่งฟ้องศาลแขวงดุสิตต่อไป น.ส.อัมพิกา ยืนยันด้วยว่าขณะเกิดเหตุตนไม่ได้แสดงอาการยั่วยุแต่อย่างใด เพียงแต่ต่อแถวขึ้นรถตามปกติ โดยตนอยู่คิวต้นๆ คู่กรณีอยู่คนสุดท้าย เนื่องจากตนเป็นคนเวียนหัวง่าย จึงเลือกที่นั่งติดประตู แต่คู่กรณีไม่ยอมจะให้เข้าไปนั่งแถวในสุด ซึ่งตลอดเส้นทางที่นั่งรถมาก็ถูกคู่กรณีด่าทอตลอดเวลา ทั้งที่ตนก็ยอมเข้าไปนั่งข้างในแล้ว และตนก็ไม่ตอบโต้หรือยั่วยุใดใดเลยจนถึงจุดหมายแล้วลงรถ ซึ่งคู่กรณีก็อาศัยจังหวะที่ตนเผลอ กำลังคุยโทรศัพท์ เดินเข้ามากระชากผมอย่างแรง