ชิงเปรตปีนี้ยังคึกคัก ชาวพุทธยะลา เข้าวัด ร่วมทำบุญส่งตายาย

วันนี้ (17 ก.ย.63) ตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ซึ่งตรงกับประเพณีทำบุญวันสารทเดือนสิบ หรือวันส่งตายาย หรือที่คุ้นหูกันดีว่า ประเพณีชิงเปรต ของทางภาคใต้ โดยประเพณีนี้จะจัดทำบุญ 2 ครั้ง คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 หรือที่เรียกว่า“บุญแรก” หรือ วันรับตา-ยาย และวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 เรียกว่า “บุญหลัง” หรือ วันส่งตา-ยาย โดยมีความเชื่อว่า พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตายาย และญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่ต้องตกนรก หรือเปรต จะได้รับอนุญาตให้มาพบกับญาติของตนในเมืองมนุษย์ได้ในวันบุญแรก และกลับไปสู่นรกดังเดิมในวันบุญหลัง
ดังนั้น ทั้ง 2 วันนี้ จะมีการทำบุญของลูกหลาน โดยนำเครื่องอุปโภคบริโภคไปถวายพระ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแก่บรรพบุรุษ แสดงความกตัญญูกตเวทีและรำลึกถึงคุณงามความดีของบรรพบุรุษ

โดยบรรยากาศเมื่อช่วงเช้าที่วัดคูหาภิมุข (พุทธไสยานุสรณ์) ต.หน้าถ้ำ อ.เมือง จ.ยะลา ได้มีพุทธศาสนิกชนชาวยะลา ทยอยเดินทางไปวัดทำบุญให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยนำ อาหารคาว รวมทั้งขนมต้ม ขนมลา ขนมบ้า ขนมเจาะหู ขนมข้าวพอง และขนมเทียน ดอกไม้ธูปเทียนไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ พร้อมทั้งนำขนมที่ใช้ในเทศกาลเดือนสิบไปตั้งวางไว้ที่ร้านเปรต โดยมีเด็ก ๆ แต่งตัวเป็นเปรตคอยรับอาหาร

นอกจากนั้นยังมีขบวนแห่หมับ และประกวดหมับด้วย ซึ่งในปีนี้ มีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมทำบุญในวันสารทเดือนสิบ เพื่อสืบสานประเพณีของชาวปักษ์ใต้ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่พุทธศาสนิกชนที่ไปร่วมทำบุญ ทั้งภายในวัดและรอบนอกวัดอย่างเข้มงวด

มาทางด้าน ประชาชนชาว อ.เบตง และประชาชนที่มาทำงานในพื้นที่ ต่างก็ออกมาทำบุญตักบาตรและซื้อของ เพื่อนำไปทำบุญเดือนสิบ ส่งตายายตามวัดต่างๆกันอย่างเนืองแน่น ทำให้การจราจรในเขตเทศบาลเมืองเบตงติดขัด ตำรวจจราจรต้องคอยอำนวยความสะดวกให้ นอกจากนี้ยังมีตำรวจรักษาความปลอดภัยให้พระสงฆ์ขณะออกบิณฑบาต และเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ด้านแม่ค้าขายขนมเดือนสิบ บอกว่า ถึงราคาแป้งข้าวเจ้า ใบกระพ้อ ใบตอง จะปรับราคาขึ้น แต่ก็ยังคงขายขนมในราคาเท่าเดิม โดยในปีนี้จำนวนประชาชนไม่มากเท่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองประกอบกับอยู่ในช่วงการระบาดของโควิด-19