ข่าวดี! ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 0 ราย กลับบ้านได้ 2 ราย เหลือรักษาที่ รพ. 105 ราย

ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 เผย วันนี้ยอดติดเชื้อเป็น 0 ในขณะที่หลายประเทศกลับมาพบการระบาดระลอกใหม่

ข่าวดีอีกแล้ว
วันนี้ยอดผู้ติดเชื้อเป็น 0 นะคะ

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย วันนี้ (21 ก.ย.63) ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 2 ราย ทำให้มีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,342 ราย มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 105 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดคงที่อยู่ที่ 59 ราย

ภาพจากอีจัน
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เผยว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกในช่วงนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 300,000 รายต่อวัน ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกสะสมกว่า 31 ล้านราย และมีหลายประเทศกลับมาพบการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งแต่ละประเทศได้มีมาตรการบริหารจัดการสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป
ภาพจากอีจัน


เช่น ที่ประเทศอังกฤษ ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 4,000 รายในวันเดียว ได้ออกมาตรการเข้มการกักตัวผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสใกล้ชิด และสั่งปรับผู้ที่ฝ่าฝืน รวมถึงเอาผิดนายจ้างที่ลงโทษลูกจ้างที่ต้องกักตัว

ประเทศเมียนมา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จำนวน 671 รายภายในวันเดียว ได้มีมาตรการลดความแออัด ชาวเมียนมาที่เดินทางกลับเข้าประเทศจะต้องถูกกักตัว 14 วันและกักตัวที่บ้านต่ออีก 7 วัน และล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อในประเทศ

สำหรับประเทศไทย การติดเชื้อในขณะนี้ ส่วนใหญ่มาจากผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ซึ่งภาครัฐได้วางมาตรการเฝ้าระวังควบคุมโรคทั้งด่านท่าอากาศยาน และด่านพรมแดน ผู้เดินทางทุกรายต้องเข้ารับการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังอาการในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) สถานกักตัวที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine) หรือสถานพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) และตรวจหาเชื้อตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยสถานกักตัวทางเลือกไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือโรงพยาบาลผู้กักตัวจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายหากพบติดเชื้อ จากประกันโควิดที่ทำไว้ก่อนการเดินทางเข้าประเทศ ส่วนสถานที่รัฐจัดให้จะจัดไว้สำหรับคนไทยที่เดินทางเข้าประเทศเท่านั้น รัฐจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ ส่วนคนในประเทศเองขอให้อย่าประมาท ยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้านและตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ เลี่ยงการนำมือสัมผัสบริเวณใบหน้า ตา จมูกปาก เว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่นเท่าที่ทำได้ เลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัด เมื่อป่วยขอให้อยู่บ้านหรือรักษาตัวให้หายก่อนไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อลดโอกาสในการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น