ขุดอีก! อดีตครู รร.ในเครือสารสาสน์ฯ แฉยับสารสาสน์แบ่งชนชั้นเด็ก?

ประเด็นของโรงเรียนเอกชนชื่อดังยังคงเดือดต่อเนื่อง หลังคดีของครูจุ๋มยังไม่ทันซา ผู้ปกครองก็เริ่มขุดพฤติกรรมของครูโรงเรียนคนอื่นในโรงเรียนเรื่อยๆ และเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ เพราะยิงขุดยิ่งลึก
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ก.ย.2563 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งบอกว่าตนเคยเป็นอดีตครู ในเครือโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ออกมาแฉเรื่องที่ตนโดนมาตลอดที่อยู่ในโรงเรียนดังกล่าว

โดยเจ้าโพสต์โพสต์เขียนเล่ายาวเหยียดว่า ขอออกมาพูดในฐานะ "ครูเก่าโรงเรียนสารสาสน์" ค่ะ ในฐานะที่เคยเป็นครู รร.ในเครือนี้จะพบและเห็นปัญหาต่างๆมาโดยตลอด ซึ่ง รร.ในเครือทุกโรง จะต้องมีหน้าที่รับนโยบายต่างๆจากส่วนกลางหรือ รร.สารสาสน์ในกทม. นโยบายต่างๆดิฉันไม่เห็นด้วยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะ รร.นี้มักจะเล่นพวกพ้องหรือคนที่ผบ.(ผู้บริหาร) เมตตาหรือชอบใจเท่านั้น รร.นี้ภายนอกมีภาพลักษณ์ที่ดี โรงเรียนใหญ่โต ลักษณะของตึกหรือบริเวณอาคารสถานที่คล้ายๆกัน เหมือนกับระบบเฟรนไชส์ ในกรณีที่เกิดขึ้นนี้บอกตามตรงว่าถ้าเรื่องนี้ไม่เป็นข่าวใหญ่โตขนาดนี้ก็จะไม่มีการทำอะไรเลย อย่างมากก็แค่ย้ายครูคนนั้นไปทำที่ห้องอื่น หรือระดับอื่น ยิ่งถ้าครูคนนั้นเป็นเด็กของผอ. ด้วยแล้วยิ่งทำอะไรไม่ได้เลย แล้วสิ่งที่เห็นได้ชัดคือ รร.นี้เขาเน้นนโยบายจากส่วนกลางเขาจะไม่ฟังความเห็นของครูหรือผู้ปกครองหรอก ระบบการเรียนการสอนก็ไม่ค่อยดี รับครูที่ไม่จบครูมาสอนใบประกอบวิชาชีพก็ไม่มียังมาเป็นครูได้ (ส่วนตัวจบครูมาโดยตรงมีวุฒิมีใบประกอบ) แล้วยิ่งถ้าค้นไปค้นมาแล้วละก็ครูต่างชาติบางคนก็ไม่มีวุฒิมีวีซ่าเป็นนักท่องเที่ยวแล้วมาสอนด้วยซ้ำ แล้วถ้านักเรียนคนไหนมีผู้ปกครองที่มีของกำนัลให้เสมอๆ หรือเอาง่ายๆว่าบ้านเด็กคนนี้ คนนั้นรวย เด็กคนนั้นก็จะได้ดูแลหรือการโอ๋เป็นพิเศษ รร.แบ่งชนชั้นเด็กชัดเจนมากระหว่างเด็กสองภาษาและเด็กสามัญ แล้วอีกอย่างเลยที่รับไม่ได้จึงทำให้ตัดสินใจลาออก เพราะ รร.นี้เห็นประโยชน์ต่อพวกพ้องมากกว่าประโยชน์ของนักเรียน คือ ดิฉันโดนครูท่านหนึ่งขโมยข้อสอบของวิชาที่ดิฉันสอนออกจากกองกลางข้อสอบ เพื่อไปติวให้นักเรียนที่ตนเองสอนพิเศษ ซึ่งดิฉันมารู้ตอนที่เด็กทำข้อสอบเสร็จแล้ว เพราะเด็กไปนำเรื่องนี้ไปพูดกับเพื่อน "ว่าข้อสอบที่ครูมุกออกสอบเหมือนข้อสอบที่ครูชมพู่เอาไปสอนเลย" ดิฉันเลยนำหลักฐานจากสมุดที่เด็กจดมาจากที่เรียนพิเศษไปให้ผอ.รับเรื่องรับรู้รับทราบ แต่สิ่งที่ผอ.ท่านทำต่อจากนั้นคือ ให้ครูคนนั้นไปทำงานใกล้ชิด จนตอนนี้ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าธุรการ ได้ดีมีหน้าที่ใหญ่โต เพราะเป็นเด็กของผอ. ซึ่งถ้าทางราชการแล้วเรื่องนี้ผิดวินัยมากๆ เพราะมันคือเรื่องที่ไร้จรรยาบรรณ หาประโยชน์ต่อตนเองสุดๆ หลังจากนั้นดิฉันก็ทนทำงานต่อได้แค่ไม่กี่เดือน ก็ตัดสินใจลาออก เพราะรับกับระบบที่นี้ไม่ได้จริงๆ แต่ยังไงก็ยังมีครูดีดีค่ะ อยากให้เรื่องนี้เป็นเคสตัวอย่างของ รร.ในเครือนี้ อยากให้มีการรื้อระบบตรวจสอบความเป็นมาเป็นไปของครูด้วย เพราะบางคนยังซื้อวุฒิการศึกษาปลอม เพื่อมาสอน และยังอยู่ดีมีสุขจนถึงทุกวันนี้ พร้อมกับทั้งท้ายว่า ส่วนตัวไม่ได้แค้นหรืออะไร รร. แต่อยากให้ รร.นี้มีการเปลี่ยนแปลงจริงๆสักที อยากให้หยุดสร้างภาพและให้เห็นการพัฒนาคุณภาพของเด็กมากกว่าการคิดที่จะกอบโกยรายได้จากผู้ปกครอง ปล.ส่วนตัวก็ไม่ใช่คนดีอะไรแต่อยากออกมาพูดบ้างเพราะที่ผ่านมาคนอื่นเขาคิดว่าเราหัวรุนแรงต่อต้านระบบ รร.เลยโดนไล่ออก เปล่า ฉันลาออกเอง ฉันรับไม่ได้กับระบบแค่นั้นเอง #จากใจครูเก่าสารสาสน์ #ประสบการณ์ตรง

หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปก็เกิดกระแสตีกลับจำนวนมาก ทั้งมีคนชื่นชมในความกล้าหาญ แลก็มีอีกมุมที่คิดลบล่าสุดในวันเดียวกัน เจ้าของโพสต์ก็อับเดตสถานะอีกครั้งว่า ดิ้นให้ตายกันไปเลย คนที่แคปไปรายงานไปฟ้อง แคปให้หมดค่ะ เกมนี้มันพึ่งเริ่ม แคปให้ทันแคปให้ไวถ้าทำได้ก็แคปไปค่ะ ทางนี้ไม่สนสี่สนแปดแล้ว รับไม่ได้กับการกระทำเน่าๆของตัวเองกันเหรอ ถ้าไม่จริงตามที่ดิฉันโพสต์จะดิ้นโทรหาคนนู้นคนนี้ทำไมกัน โตแล้ว พร้อมกบย้ำว่า ที่โพสต์นั้นแค่ส่วนหนึ่งส่วนหนึ่งเท่านั้น จะสนทำไมกับคนที่ลาออกมาแล้ว? เดี๋ยวจะขุดโพสต์เก่าๆมาอีกรอบดีไหมนะ ถ้าทำดีแล้วไม่เป็นจริงจะสนทำไม? เอาแล้วเหมือนว่าเรื่องราวนี้จะมีอีกหลายม้วน เครือโรงเรียนสารสาสน์ฯ จะว่าอย่างไรกับการออกมาแฉครั้งนี้ ติดตามกันค่ะ