สธ. เผย สถิติการสวมแมสก์ของคนไทย พบ “ลดลงเกือบครึ่ง”

โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เผย สำรวจพบ สถิติคนไทยสวมแมสก์ “ลดน้อยลงเกือบครึ่ง” ย้ำ ปชช. ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข้มข้น

วันนี้ (1 ตุลาคม 2563) แพทย์หญิงพรรณประภา ยงค์ตระกูล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า จากการสำรวจ การรับรู้ทัศนคติ และพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนเรื่องโรคโควิด-19 (ดีดีซีโพล) ทั้งหมด 21 ครั้ง ตั้งแต่ก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย เมื่อช่วงเดือนมกราคม – เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ระหว่างการระบาดเป็นวงกว้างในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน พ.ศ. 2563 จนถึงครั้งล่าสุด
จากข้อมูลสำรวจออนไลน์ระหว่างวันที่ 16 – 28 กันยายน พ.ศ. 2563 มีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 1,729 คน พบว่า ประชาชนมีแนวโน้มในการมีพฤติกรรมสุขภาพลดลง ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากในช่วงไม่มีอาการที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยสูงสุดร้อยละ 93.5 เหลือร้อยละ 66.9 ส่วนการสวมหน้ากากเมื่อมีอาการป่วย มีแนวโน้มคงที่ คือร้อยละ 91 แต่ก็น้อยกว่าช่วงที่มีการระบาดภายในประเทศ (มีนาคม – พฤษภาคม) ที่สูงถึงร้อยละ 94.9
ซึ่งเมื่อสอบถาม ว่าจะเลิกสวมหน้ากากเมื่อไหร่ ประชาชนตอบว่า
-จะสวมหน้ากากต่อเนื่อง ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 55.3,
-จะเลิกสวมหน้ากากเมื่อไม่มีรายงานผู้ป่วยในประเทศร้อยละ 43.7,
-จะเลิกสวมหน้ากากเมื่อไม่มีรายงานในต่างประเทศ ร้อยละ 37.7
นอกจากนี้พบว่า ประชาชนมีแนวโน้มเลือกสวมหน้ากากอนามัยเมื่อไม่มีอาการป่วยเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา เนื่องจากหาซื้อได้ง่าย และราคาถูกลง

ภาพจากอีจัน
ขอย้ำให้ประชาชนร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเข้มข้น เป็นนิสัย โดยเฉพาะการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน และตลอดเวลาขณะอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ กินร้อน ใช้ช้อนกลางส่วนตัว เว้นระยะห่างลดการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด และลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ที่ใช้บริการด้วยแพลตฟอร์มไทยชนะ เพื่อช่วยกันรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในระดับต่ำต่อไป