จ่อออกหมายจับ อดีต จนท.สวนสัตว์ ลัก นอแรด

ตำรวจ จ่อออกหมายจับ อดีตเจ้าหน้าที่สวนสัตว์สงขลา หลังลักทรัพย์นอแรดขาว มูลค่า 1 ล้านบาท

จากกรณี คดีลักนอแรด ตามที่ทางสวนสัตว์สงขลา ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ยังพนักงานสอบสวนท้องที่ สภ.คอหงส์ นั้น
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า คดีนี้ เกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2561 โดย นายเฉลิมวุฒิ เกษตรสมบูรณ์ อายุ 57 ปี ตำแหน่ง ผอ.สวนสัตว์สงขลา ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ นายโกสินทร์ อายุ 54 ปี ในความผิดฐาน "ยักยอก" เหตุเกิดที่ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ ต่อเนื่องจากสวนสัตว์สงขลา ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2556 ถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2561พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา โดย ร.ต.ท.หญิง พิมพ์ชนก ศรีปริยรัศมี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสงขลา ได้รับแจ้งและรับคำร้องทุกข์(ยังไม่ออกเลขคดี) ไว้แล้ว ตาม ปจว.เกี่ยวกับคดี ลงวันที่ 3 ส.ค.2561
ต่อมา ร.ต.ท.หญิง พิมพ์ชนก ศรีปริยรัศมี พงส.สภ.เมืองสงขลา ได้ทำการสอบสวนปากคำ นายเฉลิมวุฒิ เกษตรสมบูรณ์ ผอ.สวนสัตว์สงขลา ผู้แจ้ง ในฐานะผู้กล่าวหาในคดีนี้ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2561 สอบสวนเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2561 จัดทำบัญชีทรัพย์ถูกประทุษร้ายไม่ได้คืน/ได้คืน ไว้ และได้สอบสวนปากคำ นายทรงยศ สุจริต เจ้าหน้าที่ฝ่ายอนุรักษ์วิจัยและสุขภาพสัตว์เป็นพยาน และได้สอบสวนปากคำ นายภูวดล สุวรรณะ (ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นายสุริยา แสงพงศ์ ผอ.สวนสัตว์สงขลา ถึงแก่ความตาย และใช้อาวุธปืนยิงตัวเองถึงแก่ความตาย เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2563 ท้องที่ สภ.เมืองสงขลา) หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์วิจัยและสุขภาพสัตว์ เป็นพยาน
ทำให้ทราบข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 ได้เกิดเหตุ "แรดขาว" ในสวนสัตว์สงขลาตาย จากนั้น ทางสวนสัตว์สงขลา ได้นำซากแรดขาวส่วนหัว ซึ่งมีนอแรดรวมอยู่ด้วย ไปยังคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เพื่อทำการสตั๊ฟไว้ในวันเดียวกัน

ภาพจากอีจัน
ต่อมา ในวันที่ 21 มี.ค. 2556 นายโกสินทร์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นนักบริหาร 6 หัวหน้างานอนุรักษ์ สวนสัตว์สงขลา ได้รับนอแรด 2 นอ คืนจากพิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา 50 พรรษา สยามบรมราชกุมารี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (หนังสือรับนอแรด มี 2 ฉบับ ลงวันที่เดียวกัน ฉบับ 1 หนึ่ง ระบุ รับ 1 นอ ส่วนอีกฉบับรับ 2 นอ โดยมี นายยิ่งยศ ลาภวงศ์ เจ้าหน้าที่ พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา 50 พรรษา สยามบรมราชกุมารี คณะวิทยาศาสตร์ฯ ยืนยัน ส่งมอบนอแรด จำนวน 2 นอ ซึ่งหลักฐานการมอบที่ระบุ 1 นอ นั้น ทำขึ้น เพราะถูกนายโกสินทร์ ใช้อิทธิพลข่มขู่) โดยการรับนอแรดคืนของ นายโกสินทร์ ดังกล่าว ไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาแต่อย่างใด กับทั้งไม่รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบด้วย จากหลักฐานดังกล่าว ยืนยันว่า นายโกสินทร์ รับนอแรดไป 2 นอ จริง ซึ่งมูลค่านอแรดดังกล่าว นอละ 1,000,000 บาท รวม 2 นอเป็นงิน 2,000,000 บาท แต่ผู้ต้องหาได้นำนอแรด (นอหลัง) มาคืน จำนวน 1 เขา และส่วนที่ไม่ได้คืน เป็นนอแรด (นอหน้า) จำนวน 1 เขา จึงเป็นที่มาให้ นายเฉลิมวุฒิ เกษตรสมบูรณ์ ผอ.สวนสัตว์สงขลา เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ทาง สภ.เมืองสงขลา ได้มีหนังสือที่ 0024(สข).34/4677 ลง 24 ก.ย. 2561 ลงนามโดย พ.ต.ท.อำนาจ อนันตพันธุ์ สว.(สอบสวน)สภ.เมืองสงขลา ลงนามในหนังสือดังกล่าว ในฐานะ "ปรท.ผกก.สภ.เมืองสงขลา" ส่งเรื่องดังกล่าวมา สภ.คอหงส์ ดำเนินการ เนื่องจากอ้างว่าสถานที่เกิดเหตุอยู่ในเขตท้องที่ สภ.คอหงส์
ภาพจากอีจัน
ซึ่งทาง สภ.คอหงส์ ได้รับหนังสือ สภ.เมืองสงขลา ดังกล่าว ไว้เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2561 และได้ประมวลเรื่องเสนอ ผกก.สภ.คอหงส์ โดย พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ จันทรอาภา ผกก.สภ.คอหงส์(ขณะนั้น) ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.เจตพร แก้วบุปผา รอง สว.(สอบสวน) สภ.คอหงส์ รับผิดชอบทำการสอบสวนต่อไป และ ร.ต.อ.เจตพรฯ ได้รับเรื่อง และรับแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ ตาม ปจว.ข้อ 2 ของวันที่ 2 ธันวาคม 2561 โดยไม่ได้รับคำร้องทุกข์ออกเลขสารบบคดี และต่อมาในวันที่ 6 ตุลาคม 2563 ร.ต.อ.เจตพรฯ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ออกเลขสารบบคดี เป็นคดีอาญาที่ 766/2563 ปจว.ข้อ 11 เวลา 20.30 น. ของวันที่ 6 ต.ค.2563 เมื่อพิจารณาแล้ว พบว่าการกระทำของ นายโกสินทร์ ไปรับนอแรด ทรัพย์ถูกประทุษร้าย คดีนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานของตนและ ไม่รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบด้วย แล้วมีการเอาทรัพย์นอแรดไป 1 เขา มูลค่า 1,000,000 บาท เป็นการเอาไปซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น (องค์การสวนสัตว์ฯ) โดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐาน "ลักทรัพย์" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 และทรัพย์นอแรดดังกล่าว เป็นทรัพย์สินของทางราชการ และเก็บไว้เพื่อการศึกษา การอนุรักษ์ วิจัย สำหรับประชาชนทั่วไป จึงเป็นการ "ลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(10) ซึ่งไม่ใช่เป็นความผิดฐาน "ยักยอก" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ดัง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา ตั้งรูปคดีไว้
ภาพจากอีจัน
ส่วนกรณี ร.ต.อ.เจตพรฯ ได้รับคำสั่งให้รับผิดชอบสอบสวน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2561 แต่ไม่ได้จัดให้มีการรับคำร้องทุกข์ออกเลขสารบบคดีตามระเบียบ และ ไม่ได้ทำการสอบสวนพยานใดเพิ่มเติมจนบัดนี้ และเพิ่งมารับคำร้องทุกข์ออกเลขสารบบคดีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2563 เป็นการรับคำร้องทุกข์ออกสารบบคดีล่าช้า เป็นเวลา 2 ปีเศษ ถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่ รวมถึง หน.งานสอบสวน สภ.คอหงส์(ขณะนั้น) และ หน.สภ.คอหงส์ (ขณะนั้น) ที่ไม่ควบคุมกำกับดูแล ตามคำสั่ง ตร.ที่ 519/2556 และคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 ขณะนี้ ทั้ง หน.งานสอบสวน และ หน.สภ.คอหงส์ (ขณะนั้น) ได้ย้ายออกนอก สภ.คอหงส์ แล้ว ส่วนการส่งเรื่องของ สภ.เมืองสงขลา โดยไม่มีรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย และไม่ใช่เป็นการลงนามโดยฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน คือ ผกก.สภ.เมืองสงขลา ทั้งที่คดีนี้เป็นคดีสำคัญเป็นที่สนใจของประชาชน ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบหรือไม่ ทาง สภ.คอหงส์ ได้มีคำสั่งที่ 442/2563 ลง 7 ต.ค.2563 ให้ พ.ต.ท.กีรติ ตรีวัย รอง ผกก.(สอบสวน) หน.งานสอบสวน สภ.คอหงส์ รับผิดชอบสอบสวนคดีที่ 766/2563 และตรวจข้อเท็จจริง เพื่อพิจารณาข้อบกพร่องของ ร.ต.อ.เจตพร แก้วบุปผา ต่อไป นอกจากนี้เห็นควรให้พิจารณาข้อบกพร่องของ หน.งานสอบสวน (ในขณะนั้น) และหน.สภ.คอหงส์ (ในขณะนั้น) ที่ไม่กำกับดูแลตามคำสั่ง ตร.ที่ 419/2563 และคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 ตามระเบียบต่อไป และเห็นควรให้ ภ.จว.สงขลา พิจารณาข้อบกพร่องในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับความคืบหน้าคคีอาญาที่ 766/2563 พ.ต.ท.กีรติ ตรีวัย หน.งานสอบสวน สภ.คอหงส์ ได้ทำการสอบสวน และได้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลขอออกหมายจับผู้ต้องหาในวันนี้แล้ว หากมีการจับกุมได้ จะรายงานความคืบหน้าต่อไป