หรือจะฉาววงการ การศึกษาไทยอีกครั้ง ?
หลังวันนี้ (12 ต.ค.63) น.ส.เอ ครูภาษาไทยของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ได้พานักเรียนหญิงชั้น ม.2 จำนวน 5 คน เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านไผ่ ว่านักเรียนหญิง 5 คน ถูก ผอ.โรงเรียนลวนลาม จึงขอให้ตำรวจช่วยทำการสืบสวนสอบสวน และดำเนินคดีตามกฎหมาย
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
โดยนักเรียนหญิงทั้ง 5 คน ให้การตรงกันว่า ผอ.มักจะมาโอบกอด ลูบไล้ที่แขน หลัง และถามว่า มีเงินใช้หรือไม่ ถ้าไม่มีให้เข้าไปหาที่ห้องทำงาน และถามว่ามีแฟนกันหรือยัง ซึ่งการกระทำดังกล่าว ทุกคนเชื่อว่า เป็นการลวนลาม ไม่ใช่ความเอ็นดูที่ครูมีต่อนักเรียน จึงนำเรื่องนี้ไปบอกผู้ปกครอง และครูภาษาไทย ซึ่งผู้ปกครองได้มอบหมายให้ครูภาษาไทย เป็นตัวแทนพานักเรียนเข้าแจ้งความกับตำรวจ และจะไม่มีการยอมความ ทั้งยังเรียกร้องให้ย้าย ผอ.ออกจากโรงเรียนโดยเร็วที่สุด
ภาพจากอีจัน
ด้านครูภาษาไทย กล่าวว่า ตนรับรู้เรื่องราวจากนักเรียนหญิงชั้น ป.6 มาก่อน และทราบว่า มีนักเรียนหญิงชั้น ม.1 ม.2 และ ม.3 ถูกกระทำด้วยพฤติกรรมเดียวกันคือ โอบกอด ลูบไล้ จับมือถือแขน และถามเพื่อจะให้เงิน แต่นักเรียนไม่รับ เมื่อตนได้ยินสิ่งที่นักเรียนบอก ทีแรกก็ไม่ได้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กระทั่งนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ทั้ง 5 คน มาบอกที่ห้องทำงานว่า ถูก ผอ.ลวนลาม จึงได้สอบถามรายละเอียด ซึ่งนักเรียนทุกคนยืนยันว่า เป็นการลวนลามจริง ไม่ใช่ผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก และนักเรียนทุกคนไม่ชอบ ทั้งยังกลัวถูกกระทำซ้ำ และกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย จึงต้องการให้ ผอ.ออกจากโรงเรียน เมื่อทราบรายละเอียดดังกล่าว จึงเดินทางเข้าพบผู้ปกครองที่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ พ่อ แม่ ไปทำงานต่างจังหวัด ต่างประเทศ จึงติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งพ่อแม่ยืนยันจะเอาเรื่อง โดยขอให้ครูพานักเรียนเข้าแจ้งความกับตำรวจเพื่อให้มีการสอบสวนรายละเอียดตามขั้นตอนต่อไป
ภาพจากอีจัน
ครูภาษาไทย กล่าวอีกว่า สิ่งที่นักเรียนบอกเล่ามา ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง นักเรียนคงไม่พูดและคงไม่ยืนยันเช่นนี้ โดยส่วนตัว ตนเชื่อว่า นักเรียนคงไม่แต่งเรื่องมากลั่นแกล้ง ผอ. เพราะนักเรียนหญิงหลายคนมาเล่าให้ฟัง แต่ไม่กล้ามาแจ้งความ เพราะผู้ปกครองกลัวเรื่องราวอื่นๆ จะตามมา เนื่องจากครูในโรงเรียนมีการข่มขู่ว่า ถ้าแจ้งความจะย้ายให้ไปเรียนที่อื่น ทำให้นักเรียนรายอื่นๆ ไม่กล้าแจ้งความ ส่วนตัวเองในฐานะครูคิดว่า ตนควรปกป้องศิษย์ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น และไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ส่วนจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ตำรวจต้องมีการตรวจสอบและสอบสวนต่อไป
ภาพจากอีจัน