นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แถลงพร้อมทีมโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า หน้าที่ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในสภาวะปกติมีเจ้าหน้าที่ประจำ 2 ศูนย์ด้วยกันอยู่แล้ว
ศูนย์เเรก คือ ศูนย์เฝ้าระวังการกระทำผิดเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม
ศูนย์ที่ 2 คือ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม Anti-Fake News Center Thailand
จากสถานการณ์การชุมนุม ทางท่านนายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้จัดตั้ง ศูนย์ทั้ง 2 มาเฝ้าระวัง การกระทำความผิดผ่านอินเตอร์เน็ตทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ แพลตฟอร์มต่างประเทศ ยูทูป ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก หรือเเม้เเต่ เทเลเเกรม
โดยหลักการปกติตามพระราชบัญญัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จะรวบรวมหลักฐานและขอคำสั่งศาล เมื่อศาลมีคำสั่ง กระทรวงฯ จะแจ้งไปให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือแพลตฟอร์มต่างประเทศดำเนินการปิด ซึ่งในหลักการที่ทำ จะปิดเป็นรายการหรือ URL หรือ IP ADDRESS บางรายเท่านั้น เพราะฉะนั้นที่มีข่าวว่าจะปิดทั้งระบบ #คงไม่ใช่ จะปิดเฉพาะที่มีการกระทำความผิดชัดแจ้ง อันนี้เป็นภาวะปกติ
ภาพจากอีจัน
แต่ตั้งแต่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นต้นมา กระทรวงฯ มีการทำงานร่วมกับทาง กอร.ฉ. โดยมีการรายงานการกระทำความผิด ใน 2 วันที่ผ่านมา กวาดผู้กระทำผิดที่เข้าข่ายมากกว่า 300,000 รายเศษ แต่จะเอาเฉพาะต้นโพสต์หรือที่มีความชัดเจน ทางกระทรวงฯ จะแจ้งมาที่ กอร.ฉ. 2 วันที่ผ่านมามีผู้กระทำความผิดชัดแจ้ง 58 ราย เมื่อวานนี้ (19 ต.ค.63) 46 ราย วันนี้ (20 ต.ค.63) 12 ราย ถ้ากระทรวงฯ รอคำสั่งศาลจะต้องใช้เวลา เมื่อมีหัวหน้าผู้ดูแล พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯแล้ว สามารถใช้คำสั่งผู้ดูแลแจ้งมาที่กระทรวงฯ เพราะฉะนั้นในสิ่งที่ดูแล เราใช้อำนาจตามกฎหมายและเรายึดหลัดสิทธิ เสรีภาพของผู้ใช้สื่ออินเทอร์เน็ตทุกคน แล้วก็การปิดกั้นจะพยายามดู เพื่อที่จะไม่ให้กระทบภาพกว้าง หรือกระทบเศรษฐกิจ
“ผู้ที่มีการกระทำผิดชัดแจ้ง อยากจะขอเรียนว่า เราดูทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้โพสต์ ผู้แชร์ หรือผู้รีทวิต การดำเนินการของเราจะดูเฉพาะผู้ที่จำเป็นจริงๆไม่ให้กระทบกับสังคมในวงกว้าง” นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าว