คืบหน้า หญิงฝรั่งเศส ติดเชื้อ โควิด19 ใน เกาะสมุย

สธ. เผยผลสอบสวนโรค หญิงฝรั่งเศส ติดเชื้อ โควิด19 ใน เกาะสมุย พบผู้สัมผัส 126 ราย ผลตรวจหาเชื้อเป็นลบทั้งหมด

วันนี้(27 ต.ค. 63) กระทรวงสาธารณสุข เผยความคืบหน้ากรณี หญิงชาวฝรั่งเศส ติดเชื้อโควิด19 ในไทย พบยังมีอาการไอ แต่ไม่มีไข้และไม่มีอาการเหนื่อย สำหรับการ สอบสวนโรค ผู้สัมผัส กับผู้ป่วย 126 คน เป็นเสี่ยงสูง 46 คน ผลไม่ติดเชื้อ 27 คน รอผล 1 คน อยู่ระหว่างติดตามเก็บตัวอย่าง 18 คน ส่วนพนักงานในสถานที่กักกัน ไม่พบเชื้อ

ภาพจากอีจัน



วันนี้ (27 ตุลาคม 2563) ที่ กรมควบคุมโรค นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป แถลงข่าวความคืบหน้ากรณี หญิงสัญชาติฝรั่งเศส อายุ 57 ปี ป่วยโรคโควิด19 ที่ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี


นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับกรณี หญิงฝรั่งเศส ที่ เกาะสมุย สถานการณ์ถือว่าอยู่ในระดับควบคุมได้ คาดว่าจะเป็นลักษณะของ Spike คือเจอผู้ติดเชื้อ 1-2 คน และควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่กระจายได้ เนื่องจากผู้ป่วยมีสุขอนามัยที่ดี สวมหน้ากากตลอดเวลา ผู้ใกล้ชิดอย่างสามีและลูกชายไม่พบการติดเชื้อ ขณะที่โรงพยาบาลมีการดำเนินการ เฝ้าระวัง การติดเชื้ออย่างดี ประชาชนในพื้นที่ให้ความร่วมมือในการ สวมหน้ากาก เพิ่มขึ้นเป็น 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งพิจารณาตามหลักการประเมิน Outbreak Impact Risk คือ ตัวผู้ป่วย เชื้อโรค สิ่งแวดล้อม มาตรการควบคุมโรคในพื้นที่ และมาตรการที่ประชาชนร่วมมือ

ภาพจากอีจัน
ด้าน นพ.โสภณ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ป่วยยังคงเข้ารักษาอยู่ในห้องแยกโรค รพ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ไม่มีไข้และไม่มีอาการเหนื่อย แต่ยังมีอาการไอ ทีมแพทย์ได้ให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด สำหรับ การสอบสวนโรค ในผู้สัมผัสกับผู้ป่วยรายนี้มี 126 ราย แยกเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 46 ราย เก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อแล้ว 28 ราย ผลเป็นลบหรือไม่ติดเชื้อ 27 ราย รอผล 1 ราย และอยู่ระหว่างติดตาม และเก็บตัวอย่าง 18 ราย ดังนี้ 1. บุคคลครอบครัวเดียวกัน 2 ราย คือ สามีและลูกชาย ผลเป็นลบ ครบกำหนดติดตามวันที่ 5 พ.ย. 63 2. ผู้สัมผัสในชุมชน 30 ราย ได้แก่ เพื่อน 1 ราย ผลเป็นลบ ครบกำหนดติดตามวันที่ 29 ต.ค. 63 พนักงานร้านนวด 6 ราย ผลเป็นลบทุกราย ครบกำหนดติดตามวันที่ 31 ต.ค. 63 และในบาร์ 23 ราย เป็นเจ้าของ 2 ราย พนักงาน 3 ราย เพื่อน 2 ราย และผู้ที่สัมผัส 16 ราย ผลเป็นลบแล้ว 7 ราย อยู่ระหว่างติดตาม 16 ราย ครบกำหนดติดตามวันที่ 28 ต.ค. 63 3. เที่ยวบินเดียวกัน 12 ราย เป็นผู้โดยสาร 10 ราย พบมีอาการป่วย 1 ราย ผลเป็นลบแล้ว 9 ราย รวมถึงผู้ที่มีอาการป่วย และอยู่ระหว่างรอผล 1 ราย พนักงานบนเครื่อง 2 ราย ผลเป็นลบ จะครบกำหนดติดตามวันที่ 29 ต.ค. 63 4. คนขับรถแท็กซี่ 2 ราย จากสถานกักกันทางเลือกไปสถานทูตฝรั่งเศส 1 ราย และจากสถานทูตฝรั่งเศสไปสนามบิน 1 ราย อยู่ระหว่างการติดตาม โดยจะครบกำหนดติดตามวันที่ 29 ต.ค. 63
ภาพจากอีจัน


ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 80 ราย แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่สนามบิน 29 ราย เที่ยวบินเดียวกัน 23 ราย จะครบกำหนดติดตามวันที่ 29 ต.ค. 63 และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล 28 ราย จะครบกำหนดติดตามวันที่ 3 พ.ย. 63 โดยทุกรายไม่มีอาการ ได้แนะนำให้เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเอง หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในที่ที่มีคนรวมกันจำนวนมาก และสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

ทั้งนี้ ในสถานที่กักกันทางเลือก (ASQ) จ.สมุทรปราการ ที่ผู้ป่วยรายดังกล่าวเข้ารับการ กักกันโรค ระยะเวลา 14 วัน ตามมาตรการของประเทศไทย ได้เก็บตัวอย่างจากพนักงานในสถานที่กักกันจำนวน 67 ราย ผลไม่พบเชื้อ และภูมิคุ้มกัน (Antibodies) เป็นลบ ซึ่งนโยบายในการดำเนินงานใน สถานที่กักกัน จะเน้นความปลอดภัยของผู้ถูกกักกันและผู้ปฏิบัติงาน มีระบบควบคุมกำกับและตรวจสอบมาตรฐานเข้มงวด ไม่ให้ออกจากสถานที่กักกันก่อนครบกำหนด 14 วัน รวมถึงมีการทำความสะอาด Big cleaning สุ่มตรวจซ้ำอย่างต่อเนื่อง และติดตามเฝ้าระวังผู้ถูกกักกันตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 63

นพ.โสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงดำเนินการตามขั้นตอนการสอบสวนและมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องจนครบกระบวนการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวไทย ทั้งนี้ การพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศมีโอกาสเป็นไปได้ แต่การพบผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสให้ได้โดยเร็ว และควบคุมให้อยู่ในวงจำกัด จะสามารถป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้ ซึ่งความร่วมมือประชาชน ชุมชน และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น มีความสำคัญในการควบคุมสถานการณ์เป็นอย่างยิ่ง ดังกรณีที่ อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี ประชาชนให้ความร่วมมือใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะกว่าร้อยละ 80 ทำให้ลดโอกาสการเกิด การระบาด ของโรค รวมถึงมาตรการเฝ้าระวังชุมชนโดย อสม. , อสร. (อาสาสมัครโรงแรม) เป็นผลให้ควบคุมการระบาดได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขพร้อมสนับสนุนการเปิดประเทศ-เปิดเศรษฐกิจให้กว้างขวางขึ้นอย่างปลอดภัย สร้างสมดุลระหว่างสุขภาพ-วิถีชีวิต-วิถีทางสังคม-เศรษฐกิจ ขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกัน ควบคุมโรค ของประเทศไทยที่มีระบบเข้มแข็ง และขอให้ทุกคนยังคงดูแลป้องกันตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเช่นเดิม “ สวมหน้ากาก ล้างมือ แยกของใช้ เว้นระยะห่าง ลดแออัด ” จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยได้ หากพบผู้ติดเชื้อกระทรวงสาธารณสุขจะเข้าไปดำเนินการทันที สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร1422

ภาพจากอีจัน