น้ำตาลูกผู้ชายไหล! ตกเป็น ” เเพะ ” ข้อหาลักทรัพย์ ทำชีวิตพัง

ถึงเวลาสู้! หนุ่มส่งเอกสาร เดินหน้า ขอความเป็นธรรม หลังตกเป็น เเพะ รับบาป คดีลักทรัพย์ ทำชีวิตพัง กลายเป็นหนี้!



"ผมเป็นเเพะ"


เรื่องราวที่จะเล่า เป็นเรื่องราวที่อัดอั้นในใจของผู้ชายที่ชื่อว่า ชิตพงษ์ วินทะไชย ค่ะ พนักงานส่งเอกสารของบริษัทเเห่งหนึ่ง เหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของพี่ชิตพงษ์เปลี่ยนไป เริ่มจากวันที่ 7 ธ.ค.61 ตำรวจนำหมายจับมาหาที่บ้าน คดีลักทรัพย์ พร้อมหลักฐานที่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด มีชายสวมเสื้อสีดำ สวมเเว่นตา ขับมอเตอร์ไซค์

การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจาก มีหญิงคนหนึ่ง เเจ้งความว่าถูกลักทรัพย์ อ้างว่าพี่ชิตพงษ์ เข้ามาที่บ้าน ขอดูภายในบ้าน เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อต่อ เเละได้ขโมยกระเป๋าออกไป 1 ใบ

ภาพจากอีจัน
พี่ชิตพงษ์ยืนยัน นั่นไม่ใช่ตัวเอง! เเต่ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 21 พ.ย.61 เวลาประมาณ 15.00 น. พี่ชิตพงษ์ได้ไปทำธุรกรรมการเงินให้บริษัทที่ ธนาคาร ถึง 4 ธนาคาร สวมเสื้อสีดำจริง เเต่ในภาพยืนยันว่าไม่ใช่ ปฏิเสธไปก็เท่านั้น เพราะตำรวจมีหลักฐานพร้อมหมายจับ พี่ชิตพงษ์ถูกตำรวจคุมตัวไปที่ สน.ท่าข้าม เเละรีบติดต่อเเฟนที่กำลังอุ้มท้องเเก่ ให้มาหาที่ สน. วันนั้นพี่ชิตพงษ์ต้องหาเงินมาประกันตัวเอง 200,000 บาท ในวันที่ต้องชี้ตัวผู้ต้องหา พี่ชิตพงษ์ เล่าว่า วันนั้นตำรวจมีพฤติกรรมเเปลก คือ ตำรวจได้เอาเสื้อสีดำมาให้เปลี่ยน เเละให้สวมเเว่นตาสีดำ ก่อนพาลงไปชี้ตัว น้ำตาลูกผู้ชายไหล ไม่รู้จะทำอย่างไร หนทางมืดไปหมด ไม่รู้กฎหมาย ท้อเเท้ จนตัดพ้อกับเเฟนที่กำลังอุ้มท้องใกล้คลอดว่า "อยู่คนเดียวได้ไหม ไหวไหม" ในวันที่คนกำลังจะเป็นพ่อต้องเข้าไปอยู่ในห้องขัง


เเต่สิ่งที่ทำให้ฉุกคิดได้คือ "ลูก"
วันนี้เขาต้องสู้เพื่อลูก!

ที่ดินที่มีอยู่ สร้อยทอง
ข้าวของอะไรที่ขายได้ พี่ชิตพงษ์ขายหมด
บัตรเครดิตที่มี กู้หมด เพื่อนำเงินมาประกันตัวเอง

ภาพจากอีจัน
เเต่ประกันตัวได้เเล้ว ยังไม่จบ หลังจากนั้นตำรวจได้ส่งสำนวนฟ้องศาล ผลออกมา คือ ศาลชั้นต้นยกฟ้อง เเต่อัยการอุทธรณ์ต่อ สุดท้ายศาลอุทธณ์ยกฟ้อง จึงสิ้นสุดคดี เพราะคดีต้องห้ามฎีกาตามกฎหมาย เเล้วสิ่งที่สูญเสียไป ได้อะไรกลับคืนมาบ้าง ? …จนถึงตอนนี้ ใครเล่าจะรู้ว่า ‘ชิตพงษ์’ บริสุทธ์ ไม่ได้ไป ลักทรัพย์ ตามที่ถูกกล่าวอ้าง
ภาพจากอีจัน
เขาจึงเริ่มสู้อีกครั้ง ออกตามหาหลักฐาน สิ่งเดียวที่จะคลายข้อครหานี้ได้ คือกล้องวงจรปิด เขาตามไปขอดูกล้องจาก 4 ธนาคาร เพื่อเอามายืนว่า เขาไม่เคยไปบ้านหลังนั้น เเละไม่เคยรู้จักหญิงคนนั้นเลย สุดท้าย พี่ชิตพงษ์ได้หลักฐานมายืนยันว่าตนเองไม่ใช่เเพะ จึงร้องไปที่ทนายรัชพล ศิริสาคร ขอความช่วยเหลือ วันที่ 2 พ.ย.63 ที่ผ่านมา ทนายได้พาไปยื่นหนังสือต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ คือ พนักงานอัยการ 1 นาย ตำรวจ 2 นาย ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เเละเป็นเจ้าพนักงานกระทำการในตำเเหน่งมิชอบ เพื่อจะเเกล้งให้บุคคลอื่นต้องรับโทษ เเละขอให้ดำนเนินคดีกับหญิงสาวรายนั้นเเละลูกสาว ในฐานะผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานในการกระทำความผิดเเละเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาล เเละในวันนี้ (4 พ.ย.63) ทนายรัชพลได้พาพี่ชิตพงษ์มายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้ดำเนินคดีกับตำรวจ ที่สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ เนื่องจากพบว่า ในการชี้ตัวคนร้ายนั้น ตำรวจได้นำภาพของพี่ชิตพงษ์มาให้ผู้เสียหายดูก่อน จึงทำให้ผู้เสียหายชี้ตัว จึงขอความเป็นธรรมให้ ผบ.ตร.เเต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเเละดำเนินคดีทางวินัย ลงโทษไล่ออกตำรวจที่กระทำผิด
ภาพจากอีจัน
สุดท้าย…พี่ชิตพงษ์ฝากคำถามผ่านสื่อถึงผู้หญิงคนนั้นว่า "ทำไมถึงเลือกที่จะชี้ที่ตัวเขา ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันเลย เเละไม่เคยเห็นหน้ากันเเม้เเต่ครั้งเดียว" เเละตัวเขาเองจะสู้ สู้เพื่อความยุติธรรม เพราะเขาไม่ใช่เเพะ!
ภาพจากอีจัน