ชาวลำปาง เพาะเห็ดลมป่า ต้นทุนต่ำทำราคาดี เก็บขายได้ถึง 3 ปี

คุณแม่จันศิริ ดวงคำปัน วัย 64 ปี ชาวจังหวัด เจ้าของสวนเฮือนแก้ว ตั้งอยู่ที่แยกหัวเมือง กลางเมืองลำปาง เล่าว่า หันมาลอง เพาะเห็ดลมป่า ไว้ที่บ้าน เพราะคิดถึงธรรมชาติไม่อยากให้คนเข้าไปทำลายป่า หรือบุกรุกป่า รวมถึงได้น้อมนำศาสตร์พระราชาของพ่อหลวงที่สอนว่าการกินดีอยู่ดีอย่างพอเพียงเราสามารถทำในบ้านของเราเองได้ โดยไม่ต้องออกไปที่ไหนก็ได้ ส่วนที่เลือก เพาะเห็ดลมป่า คือชาวเหนือจะนิยมกิน เห็ดลมป่า เพราะเป็นเห็ดที่ขึ้นในป่า หนึ่งปีจะออกดอก1 ครั้ง และสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายกินได้หมดไม่ว่าจะเห็ดอ่อนหรือแก่

แต่เมื่อลองศึกษาดูก็เห็นว่าหากดูแลดีดีเพาะ 1 ครั้งสามารถเก็บกินได้ถึง3ปี ส่วนความรู้ในเรื่องนี้ตนเองก็ดูจากในยูทูปและได้จากลูกหลานที่เรียนในด้านนี้จึงลองทำดู ซึ่งก็ทำไม่ยาก หาไม้ที่เป็นไม้เนื้ออ่อนเช่น ไม้มะม่วง มะขาม หรืออื่นๆที่เราอาจจะมีในสวนของเราตัดมาดิบๆ แล้วนำมาเจาะนำเชื้อเห็ดฝังเข้าไปนำมาไว้ในที่อากาศทั่วไป ให้ได้รับละอองน้ำบ้าง ทิ้งไว้ประมาณ 8 เดือน ดอกก็จะเริ่มออกแล้ว ซึ่งเมื่อลองทำปีแรกดอกก็ออกเลยและเก็บมาได้3ปี ปีนี้เข้าปีที่4ก็เลยทำใหม่อีกรอบ ซึ่งจะเห็นว่าเห็ดชนิดนี้ไม่มีโรค ไม่ต้องทำโรงเรือน เอาไว้ที่ไหนก็ได้ จำหน่านได้ราคาแพงกิดลกรัมละกว่า300บาท แพงกว่าเห็ดชนิดอื่นๆด้วย

เห็ดลมป่า นอกจากจะขายดีแล้ว เมื่ออายุครบ3ปี ท่อนที่มีเห็ดแก่ติดอยู่ยังสามารถนำขายเพื่อให้คนที่ชอบธรรมชาตินำไปตกแต่งประดับบ้าน ร้าน ที่ชื่นชอบธรรมชาติได้ด้วย และขายในราคาท่อนละ1-2 พันบาท เท่ากับว่าทำครั้งเดียวเก็บกินได้3ปี หลังจากนั้นก็ขายท่อนได้อีก คุ้มมาก อยากให้คนที่ไม่มีงานทำ หรืออยากลองทำเป็นอาชีพหันมาเพาะเห็ดดูไม่ต้องใช้พื้นที่มาก ทุนต่ำเริ่มต้นประมาณ 1 พันบาท ขยายได้เรื่อยๆ ไม่ต้องดูแลและที่สำคัญคือเราไม่ต้องเข้าไปทำลายป่า ทำลายธรรมชาติ ปล่อยให้ธรรมชาติอยู่กับป่า แต่เราสามารถยกอาหารจากป่ามาไว้ที่บ้านเราเองได้

หากใครสนใจอยากเรียนรู้สามารถเข้ามาศึกษาได้ที่ร้านเฮือนจันทร์ ซึ่งที่นี่นอกจากเปิดเป็นร้านกาแฟ แล้วยังเปิดพื้นที่ให้เกษตรกรนำผลผลิตทางการเกษตรมาฝากจำหน่ายได้ รวมถึงเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านกาแฟเรื่องสโลว์บาร์ การกินกาแฟแบบไหนที่ให้ประหยัด ผสมผสานเรื่องธรรมะรักษาผืนป่า ช่วยเหลือสังคมที่อยู่รอบนอกโดยเฉพาะเรื่องการช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็กที่ต้องการความช่วยเหลือ รวมถึงการให้ความรู้ด้านเกษตรผสมผสานโดยปราชญ์และอาจารย์ที่มีความรู้จะเข้ามาจัดกิจกรรมเผยแพร่องค์ความรู้กับผู้ที่สนใจเป็นระยะด้วย.