ไม่ทำแผน ชายคลั่ง ไล่แทงคนกลางเมืองอุดร – พร้อมเร่งเยียวยาครอบครัว เหยื่อ

คืบหน้า ไล่แทงคนกลางเมืองอุดร ตำรวจ ไม่นำตัว ชายคลั่ง ไปทำแผน หวั่นโดนประชาทัณฑ์ – ผู้ว่าฯ เร่งเยียวยาครอบครัว เหยื่อ

กรณีที่ นายอิทธิพล อายุ 31 ปี ชาว อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ก่อเหตุถือมีด ไล่แทงคนกลางเมืองอุดร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีกหลายรายนั้น

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ความคืบหน้าล่าสุด (6 ธันวาคม 2563) พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เผยว่า ผู้ต้องหา ก่อเหตุ 7 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 6 ราย โดยจุดแรก สี่แยกหลังเรือนจำ เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย จากนั้นผู้ต้องหาได้เลี้ยวรถไปตามถนนนเรศวร และมาก่อเหตุหน้าร้านเรื่องของปู ก่อนขี่รถย้อนกลับมาสี่แยกเดิม เลี้ยวซ้ายไปตามถนนศรีชมชื่น และมาก่อเหตุอีกที่หน้ามัสยิด จากนั้นขี่จักรยานยนต์ไปก่อเหตุหน้าโรงเรียนบ้านหมากแข้ง
ภาพจากอีจัน


จากนั้นเลี้ยวขวามาตามถนนศรีสุข ผ่านอนุสาวรีย์กรมหลวงประจักษ์ฯ เข้ามาถนนสุรการ ก่อเหตุก่อนถึงสี่แยกท็อปเวิร์น และมีผู้เสียชีวิตเป็นรายที่ 2 จากนั้นคนร้ายได้ขี่จักรยานยนต์ไปก่อเหตุต่อที่หน้าทางเข้ามูลนิธิส่งเสริมธรรม ถ.โพศรี และที่หน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา ถ.ประจักษ์ จนมาถูกตำรวจจับกุมได้ก่อนถึงวงเวียนเฉลิมพระเกียรติ ถ.ประจักษ์ฯ

จากการพูดคุยกับ ผู้ต้องหา ไม่พบว่ามีอาการทางประสาท โดยเจ้าตัวระบุว่าเสพยาบ้ามา จึงได้ส่งตัวมาตรวจที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี ทั้งในเรื่องตรวจสารเสพติด และสารมึนเมาอื่นๆ ซึ่งยังต้องขอผลการตรวจอยู่ รวมทั้งให้แพทย์จิตเวชตรวจ เมื่อตรวจไม่พบอาการทางจิต ช่วงเกิดเหตุอ้างจำอะไรไม่ได้ ได้สอบถามถึงสาเหตุ เพราะผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นหญิง 7 คน ชายเพียงคนเดียว แต่ยังไม่รู้ถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ ทั้งนี้ได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยตำรวจจะไม่เอาตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ เพราะชาวบ้านยังมีอารมณ์โกรธแค้นอยู่

ภาพจากอีจัน
ด้าน พญ.ฤทัย วรรธนวินิจ ผอ.รพ.ศูนย์อุดรธานี และจิตแพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี ระบุว่า ผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้รับการรักษา จากอาการบาดแผลที่เกิดขึ้น และอนุญาตให้เดินทางกลับบ้าน พร้อมเสนอให้ลดความโกรธของสังคม และหาทางป้องกัน ส่วนการตรวจผู้ต้องหาทางจิตเวช ที่อ้างว่าเคยเข้ารับการรักษาอาการทางจิต ตรวจสอบไม่พบประวัติที่อุดรธานี ส่วนที่อ้างว่าไปตรวจรักษาที่ จ.ปราจีนบุรี ก็ตรวจสอบไปไม่พบประวัติการรักษาเช่นกัน ด้าน นพ.ทวีรัชต์ ศรีกุลวงษ์ รอง นายแพทย์ สสจ.อุดรธานี ชี้แจงว่า การให้ความช่วยเหลือใน 3 ส่วน คือ 1.การรักษาอาการบาดเจ็บต่อเนื่อง ทั้งใน รพ.อุดรธานี และการส่งต่อไปยัง รพ.ชุมชน 2.การดูแลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และครอบครัว ในเรื่องสุขสภาพจิตต่อเนื่อง 3.การแก้ปัญหาสังคมโกรธแค้นจากปัญหาสาเสพติด ขณะที่ พมจ.อุดรธานี และบ้านพักเด็กอุดรธานี แจ้งได้ติดตามหลังเกิดเหตุ แต่ญาติผู้เสียชีวิตยังไม่สะดวกให้ข้อมูล ซึ่งจะได้ติดตามให้ความช่วยเหลือเยียวยาต่อไป รวมทั้งออกเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย ส่วน ยุติธรรม จ.อุดรธานี แจ้งว่า ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับสิทธิ เงินทดแทนจากกองทุนยุติธรรมไม่เกิน 110,000 บาท รวมทั้งเหล่ากาชาดอุดรธานีเตรียมเดินทางให้กำลังใจ ผู้ได้รับผลบกระทบทุกราย

ด้าน นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดก็ต้องมาช่วยกันดูแล โดยเฉพาะครอบครัวที่รับผลกระทบ ทั้งในฐานะของหน่วยงานรัฐ ที่ต้องให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะเรื่องข้าวของเงินทอง แต่หมายรวมทั้งเรื่องจิตใจ สำหรับงานศพของผู้เสียชีวิต 2 ราย ตนจะขอเข้าไปดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ขณะที่ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ ได้ส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ให้แพทย์ตรวจทางกายภาพ ปัสสาวะ เลือด ในร่างกาย รวมทั้งการตรวจจิตเวช ที่จะต้องมีหลักฐานประกอบในการดำเนินคดี ว่าผู้ก่อเหตุมีสติสัมปชัญญะ รู้ผิดชอบชั่วดีหรือไม่ ซึ่งต้องรอผลทางการแพทย์ จึงจะยืนยันได้ ส่วนพยานหลักฐานมีประจักษ์พยาน ภาพวงจรปิด พยานบุคคล อาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ รถจักรยานยนต์ ที่เพียงพอกับการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้ ส่วนข้อหานอกจาก ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแล้ว ยังมีข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งคนเจ็บต้องรอผลจากทางโรงพยาบาล เพราะมีผู้บาดเจ็บบางรายที่บาดเจ็บเล็กน้อย หรือ ต้องมีการรักษาเกินกว่า 20 วัน ซึ่งจะเป็นเหตุผลในการแจ้งข้อกล่าวหา ทางศาลอาจจะมีการพิจารณาลงโทษบทหนัก
ภาพจากอีจัน
ส่วนการทำแผนประกอบสำนวนนั้นคงไม่นำผู้ต้องหาไปนำชี้ที่เกิดเหตุ เพราะต้องใช้ดุลพินิจที่ละเอียดอ่อน เนื่องจากจะไปสร้างความโกธรแค้นให้กับประชาชน เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ต้องระงับไว้ก่อน แต่พยานหลักฐานมีเพียงพอในการดำเนินคดี การฝากขังจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังในวันจันทร์ (7 ธันวาคม 2563) อย่างไรก็ตาม ได้มีการติดต่อนำญาติของผู้ต้องหามาสอบสวนแล้ว ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุนั้น คาดว่าผู้ต้องหาอาจจะมีแรงจูงใจในเรื่องความโกธรแค้นกับเพศผู้หญิงเป็นที่ตั้ง เพราะในการก่อเหตุผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง แต่ก็ยังไม่ทราบข้อมูลลึกว่านี้เพราะผู้ต้องหา ยังถามคำตอบคำ ซึ่งจะต้องมีการสอบสวนร่วมกับทางแพทย์ เพื่อหาแรงจูงใจที่แท้จริงของผู้ต้องหาต่อไป ผบก.ภ.จว.อุดรธานี กล่าว สำหรับ ศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ญาติได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว