เรื่องจริงยิ่งกว่าละคร ! เสี่ยน้อย คราดเหล็ก เล่านาทีระทึก สกัดจับ ไอ้คลั่งเมืองอุดร

ปะฉะดะ ! เสี่ยน้อย คราดเหล็ก 1 ในพลเมืองดี เล่านาทีระทึก ไล่ล่า ล้อมวง สกัดจับ ไอ้คลั่งเมืองอุดร ลั่น ตนไม่ใช่ฮีโร่ แค่ต้องการหยุดคนร้ายเท่านั้น

ก่อนหน้าหน้านี้ อีจันได้นำเสนอบทสัมภาษณ์เปิดใจของ 2 ใน 4 พลเมืองดี ที่ช่วยกันสกัดจับคนร้าย ไอ้คลั่งเมืองอุดร ที่ขี่มอเตอร์ไซค์ ไล่แทงผู้หญิงและเด็ก จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากถึง 6 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 2 ราย เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา

อ่านข่าว : เปิดใจ 2 พลเมืองดี และ วินาทีเข้าชาร์จ ไอ้คลั่งเมืองอุดร

ล่าสุด นายธนพงษ์ ชัยประสพ หรือเสี่ยน้อย อายุ 54 ปี นักธุรกิจชาวอุดรธานี ที่ขณะนี้โลกโซเชียลให้สมญานามว่า “หนุ่มคราดเหล็ก” ในคลิปเหตุการณ์ สกัด ไอ้คลั่งมือมีดเมืองอุดร ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันเกิดเหตุ ตนขี่รถมอเตอร์ไซค์มาถึงสี่แยกหลังเรือนจำจุดเกิดเหตุแรก ก็เห็นเหตุการณ์นักเรียน 2 คนถูกแทง
ซึ่งตอนแรกตนก็ดูไม่ออกว่าเหตุอะไร รถชนหรือทะเลาะกัน จนคนร้ายขี่รถหนีออกไปทางสถานีตำรวจ ก็เห็นที่มือซ้ายกำแฮนด์รถมีมีดโผล่ออกมา และเห็นภาพเด็กบาดเจ็บจับที่คอ ตนจึงขี่รถตามไปห่าง ๆ เมื่อคนร้ายวนรถกลับมา ตนก็วนรถขับตามไป จนมาถึงสี่แยกเดิม แต่ก็ไม่รู้ว่าคนร้ายไปทางไหน จึงตะโกนถามคนแถวนั้น

ภาพจากอีจัน
เสี่ยน้อย คราดเหล็ก เล่าต่อ ตอนนั้นตนไม่มีอาวุธ คิดว่าถ้าคนร้ายมาทำร้ายก็จะวิ่งหนี ก่อนจะขี่รถไล่ตามไปจนถึงสามแยก รร.บ้านหมากแข้ง ก็เห็นคนร้ายทำร้ายเด็กเดินริมถนน ตนจึงจอดรถวิ่งเข้าไปในร้านรับซื้อของเก่า คว้าคราดเหล็ก ใช้เป็นอาวุธไล่คนร้ายต่อ เพราะ ภาพนักศึกษาที่ถูกทำร้าย นอนคว่ำหน้า เลือดไหลเต็มถนน ตนรู้สึกโกรธมากจนทนไม่ไหว จะช่วยเขาได้ยังไง กลัวจะไปทำร้ายคนอื่นอีก ตนจึงบีบแตรรถต่อเนื่อง ขี่รถไล่ตาม พร้อมตะโกนเตือนไปด้วย ให้ชาวบ้านรู้ว่าไม่ได้ทะเลาะกัน แต่คนที่เราขี่ไล่เป็น "ฆาตกร" จนคนร้ายขี่เข้าไปในตลาดไทยอีสาน วนเวียนอยู่ในห้างฯ เจริญศรีเก่า ตนก็ขี่ตาม แต่รถของตนขี่ได้ไม่เร็ว ก็เริ่มต้องให้คนอื่นเข้ามาช่วยไล่ คันแรกเป็นน้องที่รู้จักกันมากับแฟน ที่สวมหมวกกันน็อกสีขาว เขาจะขี่ไปชาร์จคนร้าย แต่ตนห้ามไว้ บอกคนร้ายมีอาวุธ
ภาพจากอีจัน
เสี่ยน้อย เล่าต่ออีกว่า คนร้ายขี่รถหนีไปถนนวัฒนา เข้าไปในซอยเชิดสมบัติ ก็มีน้องเคอรี่ และแกร็บฟู๊ด เข้ามาช่วยไล่ตามคนร้าย แต่ตนกลัวว่าน้องเขาจะเข้าไปชาร์จ ตนจึงตะโกนให้ระวัง เพราะมีอาวุธ การไล่ล่าทะลุออกมาที่ถนนประจักษ์ศิลปาคม คนร้ายเลี้ยวขี่มุ่งหน้าไปห้าแยกวุ่นวาย จนน้องเคอรี่ใช้เท้าถีบรถคนร้ายล้ม แต่น้องไม่มีอาวุธ ตนขี่ตามไปทันกำลังจอด คนร้ายจะเข้ามาทำร้าย จึงเอาคราดออกมาป้องกันตัว ไม่ได้เข้าไปชาร์จ น้องแกร็บฟู๊ด ตามมาถึง มีมีดปลอกผลไม้มาด้วย ก็ช่วยกันล้อมคนร้ายไม่ให้หนี แต่ตนโกรธมากจนลืมตัว ขว้างคราดใส่คนร้าย เมื่อตนไม่มีอาวุธก็วิ่งหนี ก่อนเข้าไปหยิบพลั่วร้านวัสดุก่อสร้าง 2 อัน เอาไปให้น้องแกร็บฟู๊ด 1 อัน เพื่อไปช่วยน้องผู้หญิงที่กำลังถูกทำร้าย คนร้ายหนีไปจนถึงร้านขายยา ก็มีอาสามูลนิธิเข้ามาช่วย ตนขอให้เขาไปดักด้านหน้า ไปกันคนออก กลัวถูกทำร้าย หรือถูกจับเป็นตัวประกัน หลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจก็มา 2 นาย ตนบอกให้ยิงมันเลย แต่ตำรวจคงทำไม่ได้ พอตำรวจมาหลายนาย และมีคนมาช่วยมากขึ้น ตนก็ถอยกลับ
ภาพจากอีจัน
เสี่ยน้อย คราดเหล็ก เปิดเผยว่า ตอนที่น้องเคอรี่ถีบรถคนร้ายจนล้ม ตนก็คิดอยู่ว่าจะทำยังไง ให้ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ปากก็ต้องตะโกนเพื่อดึงดูดความสนใจคนร้าย ไม่ให้ไปก่อเหตุกับใครอีก กดดันคนร้ายเอาไว้ ประวิงเวลาเพื่อรอตำรวจมาควบคุมสถานการณ์ พอสถานการณ์เริ่มควบคุมได้ ทบทวนอีกครั้งก็กลัวเหมือนกัน หน้ามืด เบาหวานก็ขึ้น แต่ก็สงสารและเป็นห่วงผู้ประสบเหตุ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นญาติพี่น้องของเราหรือเปล่า ส่วนน้องที่เสียชีวิตเป็นนักเรียน-นักศึกษา ตนรู้สึกเจ็บปวดที่ดูแลลูกหลานให้ไม่ได้ ต่อไปมาตรการต้องเยอะขึ้น ส่วนน้องๆ ที่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนนับถือน้ำใจมาก ถ้าน้องๆ ไม่เข้ามาช่วยสกัด ก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ในตอนนั้นได้ เสี่ยน้อย เผยอีกว่า ปกติเป็นคนไม่เล่นโซเชียล ไม่มีเฟซบุ๊ก ไม่มีไลน์ จนลูกสาวเอาคอมเม้นท์มาให้ดู พอได้อ่านก็น้ำตาไหล อยากขอบคุณทุกคน เราไม่ใช่ฮีโร่ เราเป็นคนคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์เท่านั้น ดีใจที่คนอุดรไม่ทิ้งกัน ตนอยากเข้าไปกดไลค์ คอมเม้นท์ขอบคุณทุกท่าน แต่ตนไม่เล่นโซเชียล ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง
ภาพจากอีจัน
อีจันขอชื่นชมเหล่าพลเมืองดีทุกคนจากใจจริงเลยค่ะ