สุดกร่าง ชายทวงหนี้ ซ้อมสาวพีอาร์ น่วม จิกหัว – ใช้ปืนทุบหน้า

สุดกร่างชายบุกทำร้ายร่างกายผู้หญิง ตาบวมช้ำทั้งตัว!
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 63 ที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยกล้องวงจรปิดของสนามฟุตบอลดังกล่าว สามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้

จากภาพกล้องวงจรปิด พบชายคนหนึ่ง เดินเข้ามาที่สนามฟุตบอลพร้อมกับหญิงสาวอีกคน ก่อนจะเข้าไปกระชากผม แล้วลากตัวหญิงผู้เสียหายออกมาที่บริเวณลานจอดรถด้านหน้าทางเข้า ซึ่งชายดังกล่าวได้หยิบอาวุธปืนสั้น สีดำ (ทราบภายหลัง เป็นปืนบีบีกัน) ออกมาทุบที่ใบหน้า และศีรษะของหญิงสาวดังกล่าว ท่ามกลางสายตาของประชาชนที่มาออกกำลังกายที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียม จากนั้นชายผู้ก่อเหตุ ลากหญิงสาวผู้เสียหายให้นั่งกับพื้นที่ลานจอดรถ แล้วให้กราบเท้า แต่ยังผู้ก่อเหตุยังทำร้ายร่างกายของเธอต่อ โดยเอาปืนตบใบหน้าและศีรษะจำนวนหลายครั้ง ส่วนหญิงที่มากับชายผู้ก่อเหตุ ก็ไม่ได้เข้าไปห้ามแต่อย่างใด เหตุการณ์ผ่านไปเกือบ 5 นาที ก็มีชายสวมใส่ชุดกีฬาสีน้ำเงิน (ทราบภายหลังเป็นตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น) พร้อมเพื่อนๆ เข้ามาช่วยเหลือ ก่อนจะแจ้งสายตรวจมาควบคุมตัวชายดังกล่าวไปสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น

จากการสอบถาม นางสาว ตี้ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี หญิงสาวที่ถูกทำร้าย เล่าว่า ตนเองติดเงินกู้นอกระบบจำนวน 130,000 บาท ซึ่งกู้ยืมมาจากนายแพร (นามสมมุติ) ชายที่อยู่ในคลิป อายุประมาณ 42 ปี ก่อนเกิดเหตุ ตนได้มีการพูดคุยกับนายแพร ว่า “ตอนนี้ยังไม่มีเงินจ่าย และกำลังทำงานเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ยืนยันว่าจะจ่ายแน่นอนและไม่ได้คิดหลบหนี หรือปิดกั้นการติดต่อสื่อสาร” โดยสามารถติดต่อสื่อสารกับตนเองได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งยังเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ที่อยู่ ที่ทำงาน ให้นายแพรทราบเพื่อให้มั่นใจว่า “ไม่คิดหนีแน่นอน” วันเกิดเหตุ นางสาวตี้ อ้างว่า นายแพร ได้ไปหาแม่ของตนเองที่บ้าน ก่อนจะเดินทางมาที่สนามฟุตบอล เมื่อมาถึงนายแพร ก็ดึงแขนตนเอง แล้วกระชากศีรษะลากออกมาตามวงจรปิด ซึ่งขณะที่ลากตนเองออกมาได้สักพักก็หยิบปืนออกมา ตอนนั้นก็ไม่ทราบว่าเป็นปืนจริงหรือปืนปลอม จ่อมาที่ตนเองแล้วพูดว่า “ กูยิงมึงตายดีไหมเนี่ย วันนี้กูไม่ได้มาเอาเงิน กูมาเอาชีวิตมึง” พอนายแพร พูดจบประโยคก็เอาด้ามปืนมาทุบที่ใบหน้า และศีรษะของตนเองอย่างแรงหลายครั้ง ตามที่ปรากฏในคลิป

นางสาว ตี้ ยังเปิดเผยอีกว่า หลังจากมีตำรวจเข้ามาห้าม และช่วยเหลือ นายแพร บอกกับตำรวจว่า ตนเองติดเงินหญิงที่มากับนายแพร แต่ในความเป็นจริงตนเองไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จักหญิงคนดังกล่าวมาก่อน และไม่ได้ติดเงินตามที่นายแพรอ้างกับตำรวจ แต่ติดเงินนายแพรคนเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองเคยยืมเงินนายแพรมาแล้วหลายครั้ง และหมุนเงินคืนให้ได้ตลอด แต่ตนเองเล่นแชร์แล้วแชร์ล้ม ลูกแชร์ที่เล่นด้วยเป็นหนี้ก็ไม่ยอมจ่าย ทำให้ไม่มีเงินมาคืนนายแพร ซึ่งตนเองก็บอกนายแพรมาตลอดว่า เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง และไม่เคยหลบหน้าหรือขาดการติดต่อ และพอตนเองเริ่มมีงานเริ่มตั้งตัวใหม่ ก็บอกนายแพรว่าทำงานอยู่ตรงนั้น ตรงนี้ ให้รอก่อนได้เงินจะรีบนำเงินไปคืนทันที โดยต้นเดือน ธ.ค. ตนได้ให้ไปก่อน 5,000 บาท และสิ้นเดือนจะจ่ายให้อีก 10,000 บาท โดยนายแพร ต้องการให้จ่ายใช้หนี้เดือนละ 15,000-20,000 บาท แต่นายแพร ก็มาทำร้ายร่างกายก่อน และทำให้ตอนนี้ไม่สามารถกลับไปทำงานได้อีก เพราะบาดเจ็บ บอบช้ำไปทั้งตัว

หลังเกิดเหตุ ตนได้ไปให้ปากคำ และแจ้งความดำเนินคดีกับนายแพร โดยยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะเป็นคนละเรื่องกับที่ตนเองติดหนี้ ในเรื่องของหนี้สินที่ติดนายแพร ตนก็ยืนยันว่าจะหามาคืนให้ แต่ในส่วนที่ตนเองถูกทำร้ายร่างกายนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และตอนนี้เป็นห่วงครอบครัวโดยเฉพาะแม่ กลัวว่านายแพร จะมาทำร้ายคนในครอบครัวเหมือนที่ทำกับตัวเอง โดยตำรวจควบคุมตัวไปนายแพรโดนดำเนินคดีแค่ข้อหา “ ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ ปรับเป็นเงิน 1,000 บาท ” แล้วได้รับการปล่อยตัวไป

ส่วนข้อหาทำร้ายร่างกายนั้น ทางตำรวจบอกว่า ต้องรอผลตรวจจากแพทย์ประมาณ 1 เดือน จึงจะสามารถแจ้งข้อหาได้ ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น กลัวว่านายแพร จะมาทำร้ายคนในครอบครัว หรือ ตนเองอีก จึงอยากให้สื่อมวลชนช่วยเป็นกระบอกเสียงเพราะกลัวว่าคดีจะเงียบ ตอนนี้ก็คงต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง และไม่หนีไปไหน ส่วนอาการตอนนี้บอมช้ำบวมไปทั้งตัวโดยเฉพาะทางซีกซ้าย ศีรษะแตก 2 จุด ใบหน้าบวมช้ำ หลังช้ำ ใช้ชีวิตประจำวันยากลำบาก

เอ๊ะ!!! แผลช้ำทั้งตัว เหตุการณ์ชัดเจน ขนานนี้ยังแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายไม่ได้อีกเหรอ แล้วผลตรวจของแพทย์จะทำได้เร็วกว่าการรอ 1 เดือนได้ไหม