เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (27 ธันวาคม 2563) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท) หรือ ตำรวจไซเบอร์ แถลงผลการจับกุมจากการร้องเรียนของประชาชน ถึงสินค้าที่ขายออนไลน์ เป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ตรงตามโฆษณา
ในการนี้ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ตรวจสอบ เฝ้าติดตาม สืบสวน และหาข่าว จับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการสั่งซื้อ และนำเข้าสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ไม่ได้เสียภาษี นำเข้ามาหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร หากพบการกระทำผิด ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
โดยเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเบาะแส และได้ทำการตรวจสอบหาต้นทางของสินค้าที่นำมาขายออนไลน์ พบว่า มีการแอบขนส่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี หรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน เข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งนำเข้ามาทางจังหวัดมุกดาหาร และนครพนม โดยยานพาหนะรถกึ่งพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ และรถบรรทุกสิบล้อ จำนวนทั้งหมด 3 คัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ร่วมกันเฝ้าติดตาม กระทั่งถึงเขตอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ จึงได้ส่งสัญญาณให้ยานพาหนะดังกล่าวหยุดเพื่อตรวจสอบ
จากการตรวจสอบพบสินค้าหลายรายการ อาทิ โดรนบังคับ น้ำหอม กระเป๋าแบรนด์เนม อุปกรณ์ทางการแพทย์ ฟิล์มกรองแสง รองเท้า และแบตเตอรี่ มูลค่าร่วมกว่า 60 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ตรวจสอบใบเสร็จรับเงินจากกรมศุลกากร และใบขนส่งสินค้าขาเข้า พร้อมแบบแสดงรายการภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่ม พบว่า มีบริษัทแห่งหนึ่งเป็นเจ้าของสินค้า จากการตรวจสอบเอกสารดังกล่าว พบรายการสินค้าในใบขนส่งสินค้ากับสินค้าภายในตู้คอนเทนเนอร์ไม่ตรงตามเอกสาร และสินค้าดังกล่าวมีอักษรของภาษาต่างประเทศทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการไม่ปฏิบัติตาม หรือฝ่าฝืนกฎหมาย
ขณะที่ผู้ควบคุมยานพาหนะ ให้การว่า เป็นเพียงคนขับรถรับจ้าง และนำเอกสารสัญญาว่าจ้างขนส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึด จึงทำการยึดสินค้าเพื่อแจ้งให้เจ้าของสินค้า นำเอกสารเกี่ยวกับสินค้ามาแสดง และร่วมตรวจสอบสินค้าพร้อมเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจยึด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ในการตรวจยึดครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึด จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับบริษัท ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าดังกล่าว ในความผิดฐานร่วมกันมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่เครื่องหมายการค้าปลอมของบุคคล ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ในราชอาณาจักร พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ร่วมกันนำเข้าสินค้าที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร และร่วมกันสำแดงเท็จ เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายต่อไป