ครูสาวสอง พ้อ ใช้สิทธิข้าราชการ รักษาแฟนป่วยมะเร็งไม่ได้ เพียงเพราะไม่ได้สมรสเท่าเทียม

บีบหัวใจ! ข้าราชการครู สาวสอง โพสต์ตัดพ้อ ใช้สิทธิข้าราชการ รักษาแฟนป่วยมะเร็งไม่ได้ เพียงเพราะไม่ได้สมรสเท่าเทียม จนแฟนต้องจากไป

เรื่องราวสุดบีบหัวใจ เมื่อคนที่เรารักมากที่สุดทรมานอยู่ตรงหน้า แต่เราไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้เลย
เรื่องราวหน้าเศร้านี้ เกิดขึ้นกับคู่รัก LGBTQ ซึ่งเป็นคู่รักของข้าราชการครูสาวสอง และแฟนหนุ่มชื่อคุณกร
จันขออนุญาตเล่า ย้อนเรื่องราวของทั้งคู่ตั้งแต่ต้นจนจบ ให้กับลูกเพจได้ฟังกันก่อนนะคะ

ภาพจากอีจัน


เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2563 ครูมิกกี้ ข้าราชครูสาวสุดแกร่งที่เรากำลังพูดถึง เริ่มระบายความครูสึกที่แสนอัดอั้น ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว
โดยระบุว่า
ขอแนะนำตัวนะคะ เราชื่อมิกกี้ อาชีพรับราชการครู เรากับแฟนเรา คบมากันได้ 5 ปีกว่า สร้างบ้าน แต่งงาน ด้วยกัน ชีวิตเหมือนจะมีความสุขมากๆ แต่เมื่อต้นเดือน สามีตรวจพบมะเร็งตับ คุณหมอบอกว่าเป็นระยะสุดท้าย อยู่ได้แค่ 6-8 เดือน มิกกี้ใจสลายมาก จากนั้นน้ำหนักของแฟนเริ่มลดลงอย่างน่าสงสาร จาก 63 ตอนนี้เหลือ 51
เราทำทุกวิถีทางที่จะให้มะเร็งมันหาย คุณหมอบอกว่า ตอนนี้หมดทางรักษาแล้ว ตอนนี้แผนการรักษาก็คือการประคับประคองให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
แต่มันพอจะมีทางเป็นไปได้คือ ยามุ่งเป้า ซึ่งยาชนิดนี้จะช่วยไม่ให้มะเร็งมันลุกลามไปมากกว่านี้ และอยู่แบบเชื้อสงบ แต่ราคาของยาคือต้องทานทุกวัน วันละ 4,000 ต่อเดือนคือ 120,000 บาท แต่ถ้าได้สิทธิ์ข้าราชการจ่ายตรง เเฟนก็จะได้ยาฟรีโดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว
ปัญหาคือ ดิฉันเป็นข้าราชการจริง แต่ไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้เพราะติดตรงที่เป็นเพศเดียวกัน ในฐานะหัวอกที่รู้ว่าแฟนกำลังจะตาย แต่ยังมีโอกาสยื้อชีวิต แต่เรากลับทำไม่ได้เพราะโดนตีกรอบจากสังคมว่า เพศเดียวกัน สมรสกันไม่ได้ ทำให้ต้องมานอนดูใจกันแบบที่จะไม่สามารถทำอะไรได้
ทำไมสังคมต้องมาตีกรอบ ความเป็นคนอยู่แค่นี้ ปล. ใครอ่านแล้วพอจะมีทางด้วยอะไรได้บ้างไหมคะ
ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ชีวิตมันมืดไปหมด
ตอนที่แฟนทราบว่าอยู่ได้แค่ 8 เดือน เค้าเอามือมาลูบหัวแล้วบอกว่า เสียดายเนอะ เราอยู่ด้วยกันยังไม่คุ้มเลย

ภาพจากอีจัน
ต่อมาหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวของครูมิกกี้ ก็โพสต์อัปเดตอาการของแฟนหนุ่มตลอดเวลา และทุกครั้งที่ครูมิกกี้อัปเดต คืออาการของแฟนหนุ่มของเขาอาการเริ่มแย่ลงทุกวัน และเหมือนเดิม เขาตัดพ้อหากใช้สิทธิข้าราชการรักษา แฟนหนุ่มคงไม่ทรุดอย่างที่เห็น
ภาพจากอีจัน


โดยคุณมิกกี้ระบุว่า
ตอนนี้อาการพี่กร 50/50 คุณหมอบอกว่ามีทางเดียวเท่านั้น คือยาพุ่งเป้า หรืออีกทางคือกลับมาประคับประคองกันเองที่บ้าน พอได้ฟังแบบนี้มันจุกในอกจังเลย เหมือนมีคนเอามีดมาปักตรงที่อก ไม่รู้จะเรียกว่าผลพวง หรือผลกระทบ จากความไม่เท่าเทียมทางเพศในสังคม ทำให้คนรักและญาติๆ หลายคน ทรมานใจไปด้วย ความเป็นความตาย มันอยู่ใกล้นิดเดียว เรื่องแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใคร เพราะเรื่องแบบนี้มักจะเกิดขึ้นมักจะเป็นคลื่นกระทบฝั่ง มาแปปๆ เดี๋ยวก็สงบ อยากฝากไปให้คนที่มีอำนาจช่วย พิจารณาถึงผลกระทบต่อกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ
ถ้าคนที่คุณรัก ไม่ได้รับสิทธิ์อย่างที่เขาควรได้รับ เค้าจะเดือดเนื้อร้อนใจไหมคะ
เราสองคนใช้ชีวิตดั่งสามี – ภรรยา มาด้วยกัน 5 ปีกว่าๆ ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร อยู่กันสองคน แต่พอข่าวร้ายของแฟนมาถึง กลับทำให้ฉุดคิดว่า สังคมไม่เปิดรับกับกลุ่ม LGBTQ จริงๆ ไม่อย่างนั้น เรื่องน่าเศร้าแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำไปในยุคนี้
ส่วนตัวเองก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ทำไมทุกอย่างมันต้องมาพร้อมกันแบบนี้

ภาพจากอีจัน


และสุดท้ายปาฏิหาริย์ก็ไม่มีจริง เวลาห้วงสุดท้ายของชีวิต 8 เดือน ถูกย่นมาเหลือเพียงไม่กี่เดือน นับจากวันที่ครูมิกกี้โพสต์
31 ธ.ค. 2563 ครูมิกกี้โพสต์เศร้า แฟนหนุ่มได้จากไปอย่างสงบ ซึ่งแน่นอน เขาทำใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด จนเขาไม่มีเวลาที่จะทำใจ และแน่นอนคำถามที่วนกลับมาในหัวเขาตลอด ตั้งแต่วันที่เขาตรวจพบมะเร็งและถ้าเขาได้ใช้สิทธิรักษา คงยืดเวลาได้นานกว่านี้

แม้ตอนนี้กฎหมายในไทย ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า การสมรสเท่าเทียมที่เรามีอยู่ ยังมีบางข้อที่คลุมเครือ กฏหมายบางข้อควรแก้ให้เป็นคู่สมรสเพศเดียวกันและต่างเพศ มีสิทธิและหน้าที่ ความสัมพันธ์ระหว่างกัน ให้เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างสามี-ภรรยาที่ควรได้รับหรือไม่? 


ปักหมุด กฎหมายสมรสเท่าเทียมได้ที่ อีจัน