ภาพจากอีจัน
สหภาพยุโรป หรือ EU ได้อนุมัติการใช้งานวัคซีนโควิด สายพันธุ์ใหม่ ตัวที่ 2 ในกลุ่มประเทศสมาชิก หลังผลประเมินทางวิทยาศาสตร์จากหน่วยงานกำกับดูแลยา ของยุโรปเป็นไปในเชิงบวก
คณะกรรมาธิการยุโรป ได้อนุมัติการจำหน่ายสู่ตลาดแบบมีเงื่อนไขแก่วัคซีนโควิด ที่พัฒนาโดยโมเดอร์นา (Moderna) ซึ่งเป็นบริษัทเภสัชภัณฑ์ของสหรัฐฯ โดยการตัดสินใจดังกล่าว ผ่านการรับรองจากกลุ่มประเทศสมาชิกแล้ว
ทั้งนี้ การอนุมัติ ดังกล่าวจะส่งผลให้ มีวัคซีนโควิดเพิ่มขึ้นอีก 160 ล้านโดส หลังวัคซีนโควิด ที่พัฒนาโดยโมเดอร์นา ซึ่งเป็นวัคซีนโควิด ตัวที่ 2 ผ่านการอนุมัติใน EU นอกจากนี้ องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ยังได้เสนอเพิ่มเติม ให้อนุมัติการจำหน่ายสู่ตลาดแบบมีเงื่อนไขแก่ วัคซีนโควิด ที่พัฒนาโดยโมเดอร์นา หลังเสร็จสิ้นการประเมินข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด ดังกล่าว
โดย องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป แถลงว่า วัคซีนโควิด ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ผลกับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ระหว่างการทดลองทางคลินิกขนาดใหญ่ ที่มีผู้เข้าร่วม จำนวน 30,000 คน โดยมีประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 94.1 ในผู้เข้าร่วมทดลองทุกเพศ เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคโควิด-19 ขั้นรุนแรง อาทิ ผู้ป่วยเรื้อรังโรคปอด โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคตับ หรือผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ประสิทธิภาพของวัคซีนอาจลดลงเหลือร้อยละ 90.9
ก่อนหน้านี้ EU ได้เปิดตัววัคซีนโควิดตัวแรก ที่พัฒนาร่วมกันโดยไฟเซอร์ (Pfizer) และไบโอเอ็นเทค (BioNtech) ซึ่งได้รับอนุมัติโดยองค์การฯ และได้รับอนุมัติให้จำหน่ายสู่ตลาดแบบมีเงื่อนไข โดยคณะกรรมาธิการฯ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563
ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งยุโรป (ECDC) เผยว่า จนถึงสัปดาห์สุดท้ายของปีที่แล้ว EU และสหราชอาณาจักร รายงานการตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 มากกว่า 17 ล้านราย และผู้เสียชีวิตกว่า 1.8 ล้านราย นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ในยุโรปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563
ขณะที่โลกกำลังดิ้นรนเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บางประเทศต่างกำลังดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด ที่ได้รับอนุมัติโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) แล้ว ทั้งนี้จากรายงานเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ที่ผ่านมา ระบุว่าทั่วโลกกำลังพัฒนาวัคซีนโควิด อีกกว่า 232 ตัว โดยมีวัคซีน 60 ตัวที่อยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิกในหลายประเทศ อาทิ เยอรมนี จีน รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ