ใกล้เข้ามาแล้ว สำหรับวัคซีนโควิดของไทย หลังกระทรวงสาธารณสุข เผยแผนการฉีดวัคซีนโควิด 19 แบ่งเป็น 3 ระยะ ระยะแรก ก.พ.-เม.ย.นี้ 2 ล้านโดส ใน 5 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า อสม. 8 หมื่นคน เจ้าหน้าที่ควบคุมโรค 2 หมื่นคน และกลุ่มเสี่ยง 9 แสนคน เพื่อลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิต ส่วนระยะที่ 2 พ.ค.-มิ.ย. 26 ล้านโดส ในกลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศ และระยะที่ 3 ปลายปี 2564 ให้ครอบคลุมคนไทยมากที่สุด
ล่าสุดวานนี้ 7 มกราคม 2564 ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องวัคซีนโควิด 19 ว่า โรคโควิด 19 เป็นการติดต่อจากคนสู่คน ดังนั้นการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ลดกิจกรรมพบปะผู้คน และลดการเดินทาง จึงเป็นการตัดวงจรโรคได้ทางหนึ่ง และเมื่อมีวัคซีนก็จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค
แต่กระบวนการนำวัคซีนโควิด 19 มาใช้ มีหลายขั้นตอน ทั้งการนำเข้าวัคซีน การขึ้นทะเบียน การตรวจสอบคุณภาพ การขนส่ง การเก็บรักษา แนวทางการฉีดให้ประชากร การเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์และประสิทธิภาพของวัคซีนภายหลังการฉีด เนื่องจากวัคซีนเป็นการนำเชื้อโรคที่ตายแล้วหรืออ่อนฤทธิ์ฉีดเข้าร่างกาย อาจเกิดผลข้างเคียง จึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อให้วัคซีนมีประสิทธิภาพและความปลอดภัย ในต่างประเทศพบบางรายเกิดผลข้างเคียง บางรายเสียชีวิต ซึ่งจะมีการตรวจสอบว่าเกี่ยวเนื่องกับวัคซีนหรือไม่ กระทรวงสาธารณสุข จะรวบรวมข้อมูลมาแจ้งให้ทราบเป็นระยะ
นายแพทย์โอภาสบอกอีกว่า สำหรับการดำเนินการวัคซีนโควิด 19 ของประเทศไทย คณะกรรมการวิชาการเห็นชอบให้ดำเนินการเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 จัดหาวัคซีนไว้ 2 ล้านโดส แบ่งเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2 แสนโดส มีนาคม 8 แสนโดส และเมษายน 1 ล้านโดส โดยฉีดคนละ 2 เข็ม ห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์