“เรารู้เราเห็นว่าว่าโรคระบาดครั้งนี้มันอันตรายยังไง แล้วจะทำอย่างไรที่จะป้องกันมันได้ แต่ความจริงมันสวนทางกันนะ ดูเอาสิ มันทำง่ายซะที่ไหนกัน”
เสียงของผู้โดยสารคนหนึ่ง ที่มารอขึ้นเรือที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง ย่านในกลางกรุงเพื่อรอกลับบ้านเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ภาพคนสวมแมสก์ยืนแออัดในเรือ ไม่ได้เพิ่งเกิดแค่ตอนนี้ แต่ภาพนี้เราเห็นมานานมากๆแล้ว
วานนี้ 7 ม.ค.2564 จันได้ไปสำรวจบรรยากาศ ย่านห้างใหญ่ใจกลางกรุง เซนทรัลเวิลด์ และได้ไปพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่สัญจรในละแวกนั้น อย่างหนึ่งที่จันสังเกตเห็นและต้องเข้าไปสอบถามทันทีคือ ท่าเรือคลองแสนแสบ แน่นอนว่าเมื่อสถานการณ์โควิดกลับมาระบาดอีกครั้ง แต่รัฐบาลไม่มีคำสั่งให้ล็อกดาวน์และทำงานที่บ้านอย่างชัดเจน เพราะเกรงจะกระทบความเป็นอยู่ของประชาชน ฉะนั้นคนหลายกลุ่มก็ต้องใช้ชีวิตตามปกติ ออกมาทำงานตามปกติ แม้จะต้องเสี่ยงและระวังตัวเองมากขึ้นหลายเท่าแต่พวกเขาก็ต้องทำ
จันได้พูดคุยกับผู้โดยสารท่านหนึ่ง ยิงคำถามไปโต้งๆ ตรงๆ ไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา “เราโดยสารในเรือที่แออัดแบบนี้ มีกลัวบ้างไหมคะ”
แม้เป็นคำถามที่ดูจะบาดลึกความรู้สึก แต่จันเชื่อว่าคำตอบจะชัดเจนที่สุด
ผู้โดยสารรีบตอบจันแทบไม่ต้องประมวลคำถามใดๆ
“ ถามว่ากลัวไหม เรากลัวแน่นอน โรคระบาดนะ แต่เรารู้เราเห็นว่าว่าโรคระบาดครั้งนี้มันอันตรายยังไง แล้วจะทำอย่างไรที่จะป้องกันมันได้ แต่ความจริงมันสวนทางกันนะ ดูเอาสิ มันทำง่ายซะที่ไหนกัน โควิดก็กลัว แต่ก็เกรงจะไม่มีกิน คนมีเงินหน่อยเขาก็เลือกนั่งแท็กซี่ มีรถส่วนตัว เราทำแบบนั้นไม่ได้ เราไม่ได้มีเงินสำรองขนาดนั้นนะ ทางเดียวที่ทำได้ เสี่ยงเอานี่แหละ ไม่โควิดก็คนนี่แหละจะแพ้กันไปข้างหนึ่ง ”
ประโยคคำตอบที่มีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ แม้ไม่มีคำว่าเจ็บปวดในประโยค แต่คำนั้นมันชัดมากๆ