นักกำหนดอาหารวิชาชีพ ระบุ ชาบูยิ่งกินยิ่งเด็ก โดยเฉพาะ ชาบูเนื้อวัวสันนอก

นักกำหนดอาหารวิชาชีพ ระบุ ชาบูยิ่งกินยิ่งเด็ก โดยเฉพาะ ชาบูเนื้อวัวสันนอก ในหม้อร้อนๆ

แฟนเพจ The Happy Read โพสต์ข้อความส่วนหนังจากหนังสือ กินยังไงให้ดูเด็กกว่าอายุจริง ซึ่งกำลังเป็นที่ฮือฮา และได้รับความสนใจจากชาวโซเซียลเป็นอย่างมาก เนื่องจากเนื้อหาที่ติดแฮชแท็ก ชาบูยิ่งกินยิ่งเด็ก ทำให้ถูกใจบรรดาสาวๆ สายบุฟเฟ่ต์ มากขึ้นไปอีก โดยข้อความจากโพสต์ต้นฉบับ ระบุว่า
รู้หรือไม่? ชาบูยิ่งกินยิ่งเด็ก!

ภาพจากเฟซบุ๊ก : The Happy Read


มายุโกะ คิคุจิ นักกำหนดอาหารวิชาชีพชี้ ชาบูเนื้อวัวส่วนสันนอก ในหม้อร้อนๆ ทำให้เด็กลงจริง
เนื่องจากเนื้อวัวส่วนสันนอก มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพราะอุดมด้วยกรดแอมิโน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผิวกระชับเต่งตึง และอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง
เนื้อวัวที่ผ่านความร้อนจากหม้อชาบู แม้จะอุดมไปด้วยไขมัน แต่ก็เป็นสารอาหารที่จำเป็นที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพราะไขมันในเนื้อวัวมีคอเลสเตอรอล ที่ทำหน้าที่ปกป้องความชุ่มชื้นให้แก่ผิวนั่นเอง ข้อมูลจากหนังสือ : กินยังไงให้ดูเด็กกว่าอายุจริง


โดยหนังสือ กินยังไงให้ดูเด็กกว่าอายุจริง เป็นหนังสือหมวดสุขภาพ ที่แนะนำวิธีการกินอาหารอย่างถูกต้อง โดยนักกำหนดอาหารวิชาชีพชื่อดังของญี่ปุ่น ที่ช่วยให้สุขภาพดี ผิวพรรณเต่งตึง และอ่อนเยาว์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ซึ่งเมนูอาหารต่างๆ ที่แนะนำในเล่ม หาซื้อวัสดุได้ง่ายในไทย และทำกินเองได้ไม่ยาก
หลายคน คงเคยสงสัย ว่าทำไมบางคนถึงดูเด็กกว่าวัย แล้วทำไมบางคนถึงดูแก่กว่าอายุจริง หนังสือเล่มนี้จะเล่าถึงเคล็ดลับการกินให้อร่อย แถมยังช่วยคืนความอ่อนเยาว์ในทุกมื้อ ทุกเมนู
ทุกคนสามารถหน้าเด็กลง 10 ปี แค่กินนัตโตะวันละถ้วย ผิวพรรณอ่อนเยาว์แค่กินมะเขือเทศเชอร์รี่วันละ 5 ผล หรือ เซเลอรี่ ที่ช่วยลดเลือนรอยหมองคล้ำใต้ตา ห่างไกลปัญหาสิว ด้วยปลาซาร์ดีน หน่อไม้ฝรั่ง ช่วยให้สีหน้าสดใส บอกลาความเหนื่อยล้า หรือใครมีปัญหาปากเหม็น ชาเขียว ช่วยได้ เนื้อหมูผัดหอมใหญ่ ป้องกันภาวะอ้วนในวัยทอง กินหนัก ดื่มหนัก ล้างสารพิษด้วย ถั่วแระญี่ปุ่น ป้องกันปัญหากลิ่นกายวัยกลางคนด้วย น้ำแครอต เพราะคุณประโยชน์ของอาหารไม่มีวันทรยศเรา ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นตอนอายุเท่าไหร่ ย่อมเห็นผลแน่นอน
จันสนับสนุน ให้ทุกคนหันมาบอกลาสัญญาณเตือนของความแก่ ด้วยคุณประโยชน์จากสารอาหาร นะคะ

ภาพจาก : ร้านนายอินทร์
ภาพจากเฟซบุ๊ก : The Happy Read