จากประเด็นดราม่าที่กำลังเป็นที่ถกเถียงของสังคมเกี่ยวกับการที่ราชกิจจาได้เผยแพร่กฎกระทรวงสาธารณะสุข ถึงการกำหนดปริมาณยาเสพติด หากมียาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด และมีเฮดรอีนไม่เกิน 300 มิลลิกรัม ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ครอบครองเพื่อเสพเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ค้า
ล่าสุด รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ได้สัมภาษณ์ หมอชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถึงกรณีดังกล่าว ว่า เหตุที่ต้องออกกฎกระทรวงฉบับนี้ เพราะจำเป็นต้องออกตามประมวลกฎหมายยาเสพติดมาตรา 107 เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการบำบัด และ รมว.สธ ในฐานะประธานคณะกรรมการบำบัดฯ จะต้องเป็นผู้ออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับการห้ามครอบครองยาบ้า ยาเสพติดให้โทษประเภท 1, 2 และ 5 ในปริมาณเล็กน้อย หรือวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 และ 2
ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
โดยผู้ที่ครอบครองในปริมาณเล็กน้อย ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ครอบครองเพื่อเสพ ส่วนเหตุที่ต้องออกกฎนี้เพราะต้องการแยกผู้เสพออกจากผู้ค้า และเชื่อว่าให้โอกาสเพื่อตัดตอนการค้ารายย่อย คืนคนดีสู่สังคม หรือเป็นการนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ไม่ได้เอาไปขังในเรือนจำ เพื่อบรรเทาปัญหานักโทษล้นคุก เหตุนี้จึงจำเป็นต้องระบุปริมาณยาเสพติดให้ชัดว่ามีจำนวนเท่าใด เช่น ยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด หรือไม่เกิน 500 มิลลิกรัม เพื่อเป็นแนวทางนำคนเข้าสู่การบำบัด
ส่วนประเด็นที่สังคมให้ความกังวลว่า จะเปิดช่องให้ผู้ค้ารายย่อยหรือไม่ หมอชลน่าน กล่าวว่า กฎกระทรวงฯที่ออกนั้น เป็นแค่การสันนิษฐาน ซึ่งจริงๆ ต้องมีการสืบและสอบว่ามีบุคคลนั้นพฤติกรรมเกี่ยวกับการค้าหรือไม่ หากเข้าข่ายเป็นผู้ค้าแม้มียาบ้าเพียง 1 เม็ด ก็มีความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายในทันที ซึ่งกฎหมายเดิมนั้นไม่ได้ระบุ แค่มียาบ้าไว้ครอบครองก็จะถูกมองว่ามีเพื่อจำหน่าย แต่กฎใหม่ให้มีการสืบสวนสอบสวนก่อน ทั้งหมดนี้ การปรับแก้กฎกระทรวงนี้เป็นไปเพื่อยืนยันหลักการ เปลี่ยนผู้เสพ เป็นผู้ป่วย ไม่ใช่การย่อหย่อนกฎหมายดังเช่นที่กังวล
เช่นเดียวกับทางเพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณี ดราม่า ยาบ้า 5 เม็ด ด้วยเช่นกัน ว่าถ้ามียาบ้า 5 เม็ด แต่ไม่ได้เป็นผู้ขายก็จะถูกนำตัวเข้ารับการบำบัด แต่ถ้าสืบพบว่าเป็นผู้ขายแม้มีเพียง 1 เม็ด ก็ติดคุกถูกดำเนินคดีทันที