เมื่อเกิดเหตุฟ้าผ่า ต้องทำอย่างไรถึงจะปลอยภัย?

เมื่อเกิดฟ้าผ่า เราควรต้องทำอย่างไร หลบหลีกยังไงให้ปลอดภัยจากเหตุการณ์นี้

สถานการณ์ฝนตกในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ยังคงต้องจับตาเป็นระยะ ซึ่งนั่นเป็นผลกระทบจาก พายุไต้ฝุ่นโนรู ที่กำลังจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามวันที่ 28 ก.ย.นี้ค่ะ ทำให้ทั่วประเทศตอนนี้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะภาคอีสานตอนล่าง

และในช่วงที่มีพายุ ฝนตกหนัก ก็อาจจะเกิดฟ้าคะนอง ฟ้าผ่าตามมาด้วย ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้นะคะ ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่มีฟ้าผ่า ควรจะต้องหลบเข้าร่มในสถานที่แบบไหน หรือหลบในรถอย่างไร จันหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีหลบฟ้าผ่า จากสภาพอากาศในช่วงนี้มาให้ทุกคนกันแล้วค่ะ

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจก่อนว่าปรากฏการณ์ “ฟ้าผ่า” เกิดขึ้นได้อย่างไร? ฟ้าผ่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากการปลดปล่อยประจุไฟฟ้าออกจากเมฆฝน ฟ้าคะนอง โดยภายในก้อนเมฆจะมีการไหลเวียนของกระแสอากาศอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้หยดน้ำและก้อนน้ำแข็งในเมฆเสียดสีกันจนเกิดประจุไฟฟ้า ก่อนถูกเหนี่ยวนำลงสู่พื้นโลก

ฟ้าผ่า แบบบวกและแบบลบ ต่างกันอย่างไร?

– ฟ้าผ่าแบบลบ (ฟ้าผ่าจากฐานเมฆลงสู่พื้น) เป็นการผ่าลงบริเวณใต้เงาของเมฆฝนฟ้าคะนอง

– ฟ้าผ่แบบบวก (ฟ้าผ่าจากยอดเมฆลงสู่พื้น) ที่สามารถผ่าได้ไกลออกไปจากก้อนเมฆถึง 40 กิโลเมตร ภายในเวลา 1 วินาที มักเกิดขึ้นในช่วงท้ายของพายุฝนฟ้าคะนอง หรือหลังจากฝนซาแล้ว นั่นแสดงว่าต่อให้ฝนหยุดตกก็มีโอกาสเกิดฟ้าผ่าได้อีก ดังนั้นการเลือกวิ่งฝ่าสายฝนขณะที่เริ่มซามีโอกาสเสี่ยงถูกฟ้าผ่าได้เช่นกัน

ถ้าขณะที่เราขับรถอยู่แล้วฟ้าผ่ารถ เราควรทำอย่างไร

1.เมื่อรถยนต์ถูกฟ้าผ่าผู้ขับขี่ควรตั้งสติ ถ้าเครื่องยนต์ไม่พังเสียหาย ให้พยายามประคองรถเข้าจอดที่ริมข้างทาง แล้วเปิดไฟฉุกเฉินเอาไว้ เพื่อความปลอดภัยของคุณและเพื่อนร่วมทาง

2.ไม่ควรรีบร้อนลงจากรถ พยายามไม่แตะต้องส่วนที่เป็นโลหะของรถยนต์ เพราะอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ควรรออย่างสงบสักพักจนกว่าสถานการณ์ฟ้าแลบฟ้าร้องจะเบาบางลง

3.เมื่อมั่นใจว่ากระแสไฟฟ้าไหลลงสู่พื้นหมดแล้ว จึงค่อยเริ่มตรวจสอบความเสียหายต่อไป และอาจเรียกประกันรถยนต์ในกรณีที่รถยนต์มีการเสียหาย ขับขี่ต่อไม่ได้ ต้องได้รับการซ่อมแซม

การป้องกันตัวขณะมีเหตุฟ้าผ่า

1.เมื่ออยู่ในสภาพอากาศฝนฟ้าคะนองและมีฟ้าผ่า ห้ามอยู่ในที่โล่งแจ้ง เช่น ทุ่งนา ชายหาด หรือสนามฟุตบอล เพราะฟ้าผ่าสามารถเกิดขึ้นได้ทุกพื้นที่ และการเป็นเป้านิ่งในพื้นที่โล่งย่อมเสี่ยงถูกฟ้าผ่า ดังนั้น ขอแนะนำให้หลบอยู่ในบ้านหรืออาคาร ทั้งต้องหลบให้ห่างจากหน้าต่างและประตูมากที่สุดด้วย

2.อย่าเดินกางร่มในบริเวณที่โล่งหากอยู่ในภาวะฟ้าผ่า และที่สำคัญอย่ายืนหลบใต้ต้นไม้ หรือเสาไฟฟ้า เพราะอาจตกเป็นเป้าให้ฟ้าผ่าได้ง่ายขึ้น

3.หากอยู่ในบ้านให้ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าให้หมด เพราะถ้าฟ้าผ่าลงบ้านอาจทำให้เกิดไฟกระชากและทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายได้ ทั้งนี้ การติดตั้งสายล่อฟ้าในอาคารสูง ก็ช่วยเพิ่มความปลอดภัยจากฟ้าผ่าได้เช่นกัน

4.หากอยู่ในที่โล่งและไม่สามารถหาที่หลบได้ ให้ก้มนั่งยอง ๆ ทำตัวให้ต่ำ เขย่งเท้าให้ส้นเท้าทั้งสองชิดกัน และเอามือปิดหู

5.สามารถหลบหนีฟ้าผ่าด้วยการเข้าไปหลบในรถยนต์ได้ โดยปิดประตูและกระจกให้มิดชิด หากฟ้าผ่าลงที่รถกระแสไฟฟ้าจะไหลลงดินหมด ทำให้คนที่หลบอยู่ในรถปลอดภัยกว่าการเลือกวิ่งฝ่าฝนเข้าไปในอาคารที่อยู่ไกล

เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ใครที่ต้องขับรถยนต์ส่วนตัวเพื่อไปทำงาน ไปเรียน หรือใช้รถโดยสารสาธารณะในการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตอนฝนตกหนัก ก็อย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น หากตกอยู่ในสถานการณ์รถถูกฟ้าผ่า เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง และช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ

สุดท้าย… เราไม่ได้เป็นหมอ แต่เราเป็นห่วงนะ

คลิปแนะนำอีจัน
ตะลึง! ช่างภาพ หรือ นางงาม?