เด็กที่เปรียบเสมือนผ้าขาวบริสุทธิ์
แต่ทำไมนะ ผู้ใหญ่ใจร้ายบางคนชอบแต่งแต้มสีสกปรกใส่
อ่านข่าวเก่า
| – สลดหัวใจ ปู่ข่มขืนหลาน จนท้อง บอบช้ำหัวใจจนตาย |
จากเหตุการณ์วันที่ 15 ม.ค.64 เรื่องราวของเด็กหญิง 11 ปี ที่ถูกปู่ข่มขืนจนตั้งท้องนอกมดลูก สุดท้ายร่างกายทนความเจ็บปวดไม่ไหว ต้องจากไปอย่างสงบ เรื่องราวนี้ยังคงสะเทือนหัวใจจันอยู่เสมอ เราเกิดความสงสาร ทำไมเด็กอายุแค่นี้ ถึงต้องมาเจอโลกอันแสนโหดร้าย โลกที่มีคนจิตใจเหี้ยม ที่ขึ้นชื่อว่า ปู่แท้ๆ ด้วย…
ภาพจากอีจัน
น้องเอ เด็กหญิงวัย 11 ขวบ น่าตาน่ารักจ้ำหม้ำ นิสัยร่าเริง ขี้เล่น เธอเกิดขึ้นมาในครอบครัวที่ไม่พร้อม พ่อไม่พร้อม และแม่ไม่พร้อม ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ความสัมพันธ์ของพ่อและแม่ไปต่อไม่ได้ สุดท้ายต้องแยกทางกัน เธอและพี่สาวจึงอยู่ในความดูแลของแม่มาตั้งแต่เล็กๆ ส่วนพ่อนั้นติดต่อกลับมาบ้างประปราย เพื่อช่วยดูแลค่าใช้จ่าย แต่บ้านของพ่อก็ไม่ไกลนัก ห่างกันเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น ไปมาหาสู่กันได้ปกติ เมื่อพ่อและแม่ต้องแยกทางกัน ทำให้น้องเอ ต้องห่างจากแม่ ต้องอยู่กับพี่สาว ตาและยาย ที่ จ.กาฬสินธุ์ ส่วนแม่ในวัย 25 ปี ขณะนั้น ต้องเก็บกระเป๋าออกเดินทางไปกรุงเทพฯ แม่บอกลูก จำเป็นต้องไป เพื่อหางานทำ หาเงินส่งมาให้ลูกทั้ง 2 เรียน ลำพังการออกไปรับจ้างตัดอ้อยของตาและยาย ไม่พอประทังชีวิตครอบครัว แม่จึงต้องดิ้นรน ตลอดระยะเวลาที่ห่างกันน้องเอติดต่อกับแม่ตลอด มีอะไรก็เล่าให้แม่ฟังเสมอ แม้ระยะทางห่างไกลก็ไม่ทำให้เป็นอุปสรรคเลย หลังห่างเเม่ ตากับยาย ก็ทำหน้าที่อย่างดีเลี้ยงและดูแลน้องเอ ประดุจไข่ในหิน แต่เเล้วเรื่องร้ายที่ไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้นกับชีวิต น้องเอ ในวัย 11 ขวบ เดือน พ.ค.63 ช่วงนี้ ตาและยายต้องออกไปเกี่ยวข้าว น้องเอ ต้องอยู่บ้านลำพัง หนูน้อย เลยขอไปเล่นที่บ้านปู่ย่า ซึ่งอยู่ห่างไปแค่ 1 กิโล ตายาย ไม่ลังเล เพราะน้องเอ ก็ไปเล่นบ้านนั้นบ่อยๆ น้องเอไปอยู่ ที่บ้านปู่ย่า 1 อาทิตย์เต็มๆ ก่อนจะกลับมาอยู่กับ ตายาย แต่อยู่ได้เพียง 2 วัน ปู่ ก็มารับ หลานกลับไปอยู่ด้วย ตอนนั้น ตายาย คิดเเค่ว่า ปู่คงคิดถึงหลาน แต่มันไม่เป็นแบบนั้น 23 พ.ย.63 เรื่องก็แดง! เด็กน้อยกลับมาจากที่บ้านปู่ ด้วยสภาพอิดโรย ยืนแทบไม่ได้ เธอทำได้เพียงร้องขอความช่วยเหลือจากตา “ตาหนูไม่ไหวเเล้ว พาหนูไปหาหมอหน่อย” นี่คือคำร้องขอจากเด็ก 11 ขวบ ตารีบพาเธอไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ หมอตรวจร่างกายเธอ เรื่องบัดสี จึงเริ่มถูกเปิดเผย หนูน้อย ต้องรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล หมอบอกกับตายายเเค่ว่า “ให้แม่รีบกลับมาดูแลลูกสาวด่วน” เมื่อตา โทรไปบอกเเม่ เเม่ก็รีบมาหาลูกสาว ที่ จ. กาฬสินธุ์ ทันที โดยรู้เพียงว่า ลูกเข้าโรงพยาบาล สภาพลูกสาวในตอนนั้น เเม่ก็เเทบรับไม่ได้ โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำลูกป่วยเป็นอะไร จนกระทั่ง คุณหมอ : แม่น้องมีประจำเดือนหรือยัง แม่ : ยังไม่มี ทำไมเหรอคะ คุณหมอ : น้องตั้งท้องนอกมดลูก แม่รีบสวนกลับหมอทันที แม่ : จะท้องได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีประจำเดือน แม่ยืนยันไม่เชื่อในสิ่งที่หมอบอก หมอจึงอัลตร้าซาวด์ ให้แม่ได้เห็นชัดๆ น้องเอตั้งท้องได้ประมาณ 3-4 สัปดาห์เเล้ว ซึ่งผลตรวจจากโรงพยาบาลจังหวัดก็ปรากฏเช่นเดียวกัน ความว่างเปล่า คือสิ่งที่อยู่ในหัวเเม่ในตอนนั้น พร้อมกับหัวใจที่แทบสลาย ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเเม่ ที่วาดฝันจะมีอนาคตไกล ท้องได้อย่างไร ท้องกับใคร คำถามที่ถามเท่าไหร่ ก็ไม่ได้คำตอบจากลูก แม่จึงเลือกที่จะกอดลูกสาว เเล้วร้องไห้ไปพร้อมกัน และให้กำลังใจลูกสุดกำลังที่เหลืออยู่ เพราะการท้องนอกมดลูกมันคือ อันตรายเท่าชีวิต รักษาตัวอยู่ 2 วัน ความเจ็บปวดของลูก ไม่มีท่าทีจะลดลง เธอจึงคุย คุยแบบเปิดใจกับลูกว่า “เรื่องจริงก็คือเรื่องจริงลูก เราจะได้จับคนผิดเข้าคุก” “จริงไหมแม่ จับมันได้ไหมแม่” “ได้ลูก ถ้าลูกพูดความจริง ไม่ต้องกลัวนะลูก” สิ้นประโยคเเม่ ลูกตอบมาเต็มคำ ด้วยชื่อ ที่กรีดลึกลงหัวใจเเม่ “ปู่เป็นคนทำหนู” แถมปู่ยังขู่จะฆ่า ถ้าเรื่องนี้หลุดไปถึงหูของคนอื่น ตอนนี้หัวใจเเม่ไม่เหลือเเล้ว พ่อผัว คือ คนใจทราม ทำเรื่องบัดสีกับหลานในไส้ได้ลงคอ แม่ไม่เศร้านาน เพราะต้องทวงความยุติธรรมให้ลูกสาว น้อเอ ต้องมาเจ็บปวดร่างกาย แบบนี้คนทำต้องได้รับกรรม เธอจึงปรึกษาหมอ ว่าจะทำอย่างไรดี อาการของลูกก็แย่ลงเรื่อยๆ หมอจึงแนะนำว่า ให้แม่ตั้งสติ รักษาชีวิตของลูกก่อน เพราะเด็กหญิงเอ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลได้ 10 กว่าวัน ร่างกายก็แย่ลง อาการเวียนหัว อาเจียนไม่มีวันลดลง หมอแนะนำให้กินยาขับเลือดออกมา แต่ร่างกายของเด็กน้อยไม่ยอมขับเลือดออกมา หมอจึงอัลตร้าซาวด์ ทำให้เห็นว่าในท้องเหลือแค่ รก เท่านั้น แต่ไม่สามารถเอา รก ออกมาได้ เพราะร่างกายของเด็กน้อยไม่น่าจะรับไหว หมอจึงให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน เมื่อได้กลับมาที่บ้าน ถึงแม้ร่างกายอ่อนแอ แต่ใจเธอสู้มาก รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เธอมีให้ตา ยาย พี่สาวและแม่ตลอด แต่บางทีที่ไม่ไหว ก็งอแงตามประสาเด็ก ที่มันเจ็บข้างใน เจ็บแทบทนไม่ไหว
ภาพจากอีจัน
ช่วงเวลาที่อยู่บ้านทำให้แม่และเด็กน้อยใกล้ชิดกันมากขึ้น แม่ยอมทำทุกอย่างเพื่อดูแลลูกสาวให้แข็งแรงขึ้น จะงอแงกี่ครั้งแม่ก็ยอม เล่ามาถึงตรงนี้ บอกตรงๆว่าสะเทือนใจมากค่ะ แม่เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ถึงวันที่น้องจะจากไป วันนั้นน้องบอกว่าหนาวมาก ขอออกไปตากแดดที่หน้าบ้าน แม่ก็พยายามพยุงลูกสาวออกไปนอนที่แคร่หน้าบ้าน แม้แดดแรงร่างกายของเด็กน้อยก็ไม่หายหนาว เด็กน้อยพูดแกมหยอกแม่ว่า หนูขอนอนนะแม่ นอนนานได้ไหม พร้อมกับหัวเราะ ผู้เป็นแม่ก็บอกว่านอนได้ และผิดสังเกต ลูกสาวนอนนานกว่าปกติ นอนแบบไม่อยากจะลุกเลย จนกระทั่งแม่เดินเข้าไปปลุกบอกว่า ลุกมากินข้าว น้องก็บอกว่า ลุกไม่ได้ เวียนหัว จะอ้วกตลอดเวลาเลย “แม่หนูหิวข้าว” “จะกินอะไรลูก” “แม่ทำอะไรให้หนูกินได้หมดแหละ เอาเยอะๆเลยนะแม่” ความน่ารักของเด็กน้อยทำหัวใจแม่พองโต แม่ตั้งใจทำอาหารมื้อนี้ให้เธอ มองเธอกินอย่างมีความสุข และเป็นครั้งแรกที่กินข้าวหมด “หนูนอนได้ไหม นอนได้ใช่ไหมแม่ จะหลับแล้วนะเนี่ย” เด็กน้อยยังหยอกแม่ ก่อนจะหลับตาลง แม่ปล่อยให้ลูกพักผ่อน เเละเข้าไปทำงานบ้านต่อ ทุกคนคะ ประโยคนั้นของน้องเอ คือคำบอกลา เวลา 1 ชั่วโมง ที่แม่ให้น้องพักผ่อน คือช่วงเวลาที่น้องเดินจากไป ส่วนแม่ ทำได้เพียงช้อนตัวลูกสาวมาไว้ที่ตัก เเละกอดให้เเน่นที่สุด พร้อมสัญญากับลูกว่าเเม่จะสู้ คนที่ทำกับลูกต้องได้รับโทษ ลูกนอนนิ่ง ไม่หายใจ ตัวซีด น้ำตาไหลลงบนตักของแม่ “เหมือนน้องฝันเลย ฝันแล้วน้ำตาน้องก็ไหลก็ออกมา” คำบอกเล่าจากแม่ ที่ยังไม่อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริง แม่บอกว่าจะให้พูดอีกกี่ครั้งก็สะเทือนหัวใจ ถึงแม้ลูกจะเกิดมาจากความไม่พร้อม แต่ลูกก็คือดวงใจของแม่วันยังค่ำ และอยากให้คนทำผิดมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ลูกจากไปแล้ว เอาอะไรกลับคืนมาไมได้ เหลือแค่ความเป็นธรรมที่อยากจะให้ลูกมากที่สุด! ตอนนี้เเม่สู้ สู้จน ผู้ชายที่น้องเอ เรียกว่าปู่ ผู้ชาย ที่ทำร้ายน้อง โดนตำรวจจับเเล้ว พร้อมโดนเเจ้งข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุ ไม่เกิน 13 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย หลังเเม่เข้าร้องเรียนกับทางมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี
ภาพจากอีจัน
“พี่ขอให้หนูไปสู่ภพภูมิที่ดีนะลูก”