ต้องยอมรับนะคะ ว่าการระบาดของโควิดระลอกใหม่นี้ ทำทุกคน ทุกอาชีพเดือดร้อน ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า เดือดร้อนกับการประกอบอาชีพยังไม่พอ คนต่างถิ่น ต่างจังหวัด ที่มาทำงานในกรุงเทพ เมื่อไม่มีงานก็ไม่มีเงิน ต้องพาตัวเองกลับมาอยู่บ้าน รอวันได้กลับไปหากินอีกครั้ง แต่การจะกลับมาอยู่บ้านในช่วงนี้ ไม่ใช่ว่ากลับมาแล้วจะใช้ชีวิตได้เลยตามปกติ เพราะต้อง กักตัว 14 วัน เพื่อเฝ้าระวังโรคโควิด 19 เช่นเดียวกันกับเรื่องที่จันกำลังจะเล่าค่ะ
หลังจากได้อ่านโพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ศักดิ์สุเมธ ท้าวยศสมบูรณ์ ที่ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของชายชาวดอยในพื้นที่ จ.น่าน ที่ไปทำงานอยู่กรุงเทพ และได้เดินทางกลับบ้านบนดอย ที่ จ.น่าน ซึ่งได้ทำการ กักตัว 14 วัน ตามมาตรการป้องกันโควิด 19 ซึ่งชายคนนี้เดินทางมายังไม่ทันจะได้ถึงบ้าน ก็ต้องแยกมา กักตัว อยู่ในไร่ที่ห่างจากชุมชนพอสมควร ทั้งไกล ทั้งเงียบเหงา ทั้งอากาศหนาว ที่สำคัญเขากำลังจะเป็นพ่อคน เพราะภรรยาได้ให้กำเนิดลูกชายที่โรงพยาบาลประจำอำเภอแล้ว แต่ตัวเขาต้องอดทนเฝ้ารอเวลา 14 วัน จึงจะได้ไปหาครอบครัว ภรรยา และลูกชายตัวน้อยของเขา จันได้อ่านเรื่องราวแล้วรู้สึกบีบหัวใจไม่น้อย แต่ต้องขอชื่นชมชายคนนี้่จริงๆ ว่ามีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากๆ และขอบคุณที่เสียสละเพื่อส่วนรวม
โดยผู้โพสต์ ได้เขียนเล่าเรื่องราวไว้ว่า
“ หัวใจของพ่อ เฝ้ารอในที่ กักตัว
ช่วงบ่ายแก่ๆ บนสถานบริการสาธารณสุขขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ที่อยู่ห่างไกล ตั้งอยู่บนเขา รับผิดชอบดูแลสุขภาพของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ราวๆ 2 พันกว่าคน ผมกำลังบันทึกข้อมูลผู้ที่กลับมาจากต่างจังหวัด ตามมาตรการควบคุมโรคโควิด 19 ของจังหวัด ผ่านระบบออนไลน์ เพิ่งจะว่างจากงานให้บริการที่เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า ระบบบันทึกข้อมูลก็ไม่ค่อยสนับสนุนการทำงานในภาวะวิกฤติเลย บางรายกรอกข้อมูลไปแล้วแต่ระบบบันทึกล้มเหลว ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ หรือเป็นเพราะอินเทอร์เน็ตที่นี่ไม่แรงพอ?
ขณะที่กำลังบันทึกข้อมูลอยู่ ไลน์จากผู้นำชุมชนก็เด้งขึ้นมา “วันนี้ มีผู้ที่กลับมาจากกรุงเทพฯ 2 คน เป็นพี่น้องกัน ตอนนี้ให้ไป กักตัว ที่ไร่แล้ว ขอให้หมอไปตามเยี่ยมต่อด้วย” พร้อมกับแนบแบบรายงานตัวของทั้งสองคน
นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้ว ผมเพิ่งจะจัดสรรเวลาไปเยี่ยมผู้กักตัว เมื่อเตรียมอุปกรณ์พร้อมแล้ว ผมกับหัวหน้าก็พากันขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจาก รพ.สต. ลัดเลาะไปตามสันเขา ลักษณะเป็นทางลูกรังที่ชาวบ้านใช้สัญจรไปไร่ เส้นทางแคบๆ บางช่วงเป็นเขาสูงชัน บางช่วงลาดลงต่ำไปยังลำห้วย สลับกันไปเช่นนี้ ต้องคอยบังคับรถจักรยานยนต์ด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้ล้มลงไปข้างทาง ใช้เวลาราวๆชั่วโมงกว่า กับระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร จึงถึงสถานที่เป้าหมาย ซึ่งเป็นไร่ของผู้ กักตัว ภาพที่ปรากฏตรงหน้า มีเต็นท์ชั่วคราวที่ทำจากผ้ากันน้ำค้าง พื้นปูด้วยใบตองกล้วยที่ยังสดใหม่อยู่ ภายในเต็นท์กางมุ้งขนาดสำหรับ 1 คน ในมุ้งมีเครื่องนอนเพียงไม่กี่ชิ้น คงแค่บรรเทาความหนาวเย็นได้บ้าง บนเสาที่ค้ำเต็นท์ มีหม้อแกงเก่าๆ 1 ใบ มีถุงพลาสติกห้อยอยู่ ข้างในบรรจุอาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งดูแล้วคงจะรับประทานได้ไม่เกิน 2 วัน การใช้ชีวิตคนเดียวในสถานที่ห่างไกลจากหมู่บ้าน ท่ามกลางป่าเขาในช่วงที่อากาศหนาวเย็น ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก ขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม คงจะลำบากน่าดู