
จากกรณีสุดเศร้า! “น้องผิง ชญาดา” นักร้องรถแห่ โอปอมิวสิค อุดรธานี ป่วยหนักทุกข์ทรมาน ป่วยติดเตียง จนเสียชีวิต หลังจากไป “นวดบิดคอ” ที่ร้านนวดแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี
ล่าสุด วันนี้ (9 ธ.ค.67) แม่ และแฟน ของน้องผิง ได้ออกมาเปิดใจ ผ่านรายการโหนกระแส ที่มีหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เป็นพิธีการรายการ ว่า…
หลังจากน้องผิงไปนวดมา 3 ครั้ง ก็มีอาการชาใต้ราวนม ลามไปเรื่อยๆ จึงไปหาหมอ พอหมอเห็นมือสั่น ก็ถามว่า “เล่นยามาหรือเปล่า” พอน้องผิงได้ยามากิน ก็ดีขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะรุนแรงขึ้นจนป่วยหนัก และเสียชีวิต ทั้งๆ ที่ น้องผิงไม่ได้มีโรคประจำตัว ญาติจึงเชื่อว่า “น้องผิงอาจเสียชีวิตเพราะการนวด”

ด้าน นพ.ชัยวัฒน์ ปิยะสกุลแก้ว ศัลยแพทย์กระดูกและข้อเฉพาะทางด้านโรคกระดูกสันหลัง เผยว่า จากภาพเอกซเรย์มีการเคลื่อนของกระดูกคอจริง แต่การเคลื่อนจากอุบัติเหตุจะมีอาการบวม ซึ่งในภาพเอกซเรย์บวมไม่มาก อีกกรณีคือเคลื่อนจากหมอนรองกระดูกเสื่อม จึงยังสรุปไม่ได้ว่าจากภาพเอกซเรย์คือเคลื่อนเพราะไปนวดไปดัดหรือเปล่า ซึ่งต้องมีการตรวจ MRI อีกทีหนึ่ง
นพ.ธีระ ตั้งวิริยะไพบูลย์ นายแพทย์เชี่ยวชาญ ด้านเวชกรรม สาขาประสาทศัลยศาสตร์ หัวหน้ากลุ่มงานประสาทศัลยศาสตร์ กล่าวเสริมว่า ประเด็นก้มหน้าแล้วเสียวลงหน้าอก บ่งบอกว่าเนื้อสมองที่อยู่ในกระดูกไขสันหลังมีการอักเสบกดทับ ส่วนอาการที่มีไฟฟ้าช็อตปลายมืออยู่ในกลุ่มที่ประสาทไวเกิน จะเป็นร่วมกันกับโรคไขสันหลังที่มีอาการอักเสบ จึงบอกไม่ได้ว่าเกิดจากนวดหรือเปล่า แต่การที่นวดเสร็จแล้วอักเสบทันทีคงเป็นไปได้ยาก ดูแล้วไม่น่าจะเป็นจากการนวด ซึ่งขั้นตอนของการอักเสบต้องใช้เวลาประมาณ 3 วัน แต่การที่ไปถึงโรงพยาบาลแล้วตรวจพบว่ามีอาการอักเสบเลยบอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร
ขณะที่ นพ.กุลธนิต วนรัตน์ ผู้อำนวยการกองการแพทย์ทางเลือก เผยว่า ส่วนใหญ่การนวดผ่อนคลายจะไม่ได้เคลมเรื่องการรักษา จะช่วยเรื่องการปวดเมื่อยคลายกล้ามเนื้ออย่างเดียว จะไม่มีเรื่องการดัดหรือหักคอ ซึ่งจะเป็นการเรียนการสอนอีกแบบหนึ่ง ถ้าดัดจริงก็เกินกว่าเหตุ เพราะหมอนวดทั่วไปไม่สามารถรับผิดชอบนวดจัดกระดูกได้
อย่างไรก็ตาม การนวดแล้วบิดคอ รวดเร็วและรุนแรง ถือเป็นความเสี่ยง เสี่ยงแรกคือคนที่ทำไม่รู้ว่าฝึกมาหรือเปล่า เสี่ยงที่ คือ 2 คนไข้ ไม่รู้เป็นโรค หรืออุบัติเหตุ อะไรมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า ถ้าปวดคอหรือมีอาการเกี่ยวกับระบบประสาทหรือชาร่วมด้วย แนะนำว่าควรตรวจก่อนและไม่ควรบิดคอ แม้กระทั่งบิดเองก็ไม่ควร เพราะบางคนอาจกระดูกพรุน กระดูกเสื่อม บิดไปบิดมาอาจกระดูกแตกได้
ส่วนกรณีที่วินิจฉัยว่า น้องผิง มีการติดเชื้อในกระแสเลือดแล้วมีเชื้อราอยู่ด้วย นพ.ธีระ บอกว่า ข้อมูลที่ได้คือข้อมูลที่ยังไม่สมบูรณ์ ยังบอกไม่ได้ว่าเกิดติดเชื้อไขสันหลังอักเสบ จากการติดเชื้อราหรือเปล่า ไม่รู้ว่าติดเชื้อราตั้งแต่แรก หรือจากนอนโรงพยาบาลสักพักหนึ่ง แต่จากที่น้องมีไขสันหลังอักเสบหมอนรองกระดูกเคลื่อน กลุ่มพวกนี้สมองไม่อักเสบเพราะจะอยู่เฉพาะที่ แต่ของน้องมีสมองบวมสมองอักเสบด้วย อาจเป็นไขสันหลังอักเสบจนสมองบวมแล้วเสียชีวิต ส่วนติดเชื้อในกระแสเลือด อาจจะเกิดจากการนอนโคม่านานๆ ติดเชื้อที่หลังอาจจะมาจากช่วงที่ร่างกายอ่อนแอแล้วหายใจเอาเชื้อราเข้าไป ซึ่งยังไม่รู้รายละเอียดต้องให้ทางโรงพยาบาลชี้แจง
โดยเรื่องราวสุดเศร้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 พ.ย. “น้องผิง” ออกมาเล่าอุทาหรณ์ หลังไปนวด เล่าว่า เหตุเกิดวันที่ 5 ต.ค. 67 เสร็จจากงานร้องเพลง เธอปวดแค่ไหล่เฉยๆ เลยไปนวดร้านแห่งหนึ่งที่ จ.อุดรธานี หลังจากนวดเสร็จอาการปกติไม่มีอะไร
ผ่านไป 2 สัปดาห์ เธอเริ่มรู้สึกปวดท้ายทอย นึกว่าเป็นอาการปวด จากการนวดปกติ เพราะมีนวดบิดคอ เธอเลยกินยาระงับอาการ ผ่านไป 1 สัปดาห์ เธอเริ่มมีอาการชาที่แขน จึงไปนวดกับหมอนวดคนเดิม ร้านเดิม เป็นครั้งที่ 2 รอบนี้นวดบิดคออีก
ผ่านไปอีก 2 สัปดาห์ เธอเริ่มปวดตึงมากๆ จนนอนหงาย นอนคว่ำไม่ได้ เธอยังไม่เอะใจอะไร นึกว่าเป็นผลข้างเคียงจากการนวดอีก เธอเลยตัดสินใจไปนวด เป็นครั้งที่ 3 ครั้งนี้ร้านเดิม แต่หมอนวดคนใหม่ คนนี้นวดแรงมาก มีล้วงใต้ราวนม จั๊กแร้ ตัวเธอระบมช้ำเป็นอาทิตย์ จนเธอไปหาหมอ
ผลตรวจเอกซเรย์ พบว่า “กระดูกคอเคลื่อนทับเส้นประสาท” หลังจากนั้นเธอกินยา เพื่อบรรเทาอาการมาตลอด เริ่มมีอาการไฟชอร์ตไปปลายนิ้วค่ะ คันมากจนอยากตัดมือทิ้ง ร้อนๆ หนาวๆ ตลอดเวลา ก้มแล้วร้าวลงขาซีกขวา เริ่มรามไปท้อง ราวนม อาการชาเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ ผ่านไปอีก 2 อาทิตย์ แขนขวาอ่อนแรง เริ่มยกไม่ได้ค่ะ ร่างกายหนูใช้งานได้ ไม่ถึง 50% เธอเจ็บทรมานมาก อยากหาย อยากทำงานกลับไปร้องเพลง

ตั้งแต่วันนั้น เธอนอนป่วยติดเตียง ลุกไม่ได้ เดินไม่ได้ ซึ่งแฟนของน้องผิง ได้โพสต์อัปเดตอาการ ผ่านเฟซบุ๊ก “Phumnaraong wongkong” ว่า..
– 23 พ.ย. 67 : น้องผิงหายใจลำบาก ปอดไม่แข็งแรง ส่งตัวด่วนไป รพ.อุดร ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ
– 24 พ.ย. 67 : น้องผิงติดเชื้อในกระแสเลือด และโรคเก่ากำเริบ มีอาการช็อก
– 25 พ.ย. 67 : น้องผิงต้องเจาะคอ เนื่องจากถ้าใส่เครื่องช่วยหายใจเกิน 7 วัน อาจจะติดเชื้อ โอกาสรอดอาจจะน้อย
– 27 พ.ย. 67 : น้องผิงย้ายเข้าห้อง ICU เนื่องจากติดเชื้อ ความดันต่ำ มีอาการช็อก ต้องเจาะคอให้ยาฆ่าเชื้อทางคอ
– 1 ธ.ค. 67 : น้องผิงนอนสลบอยู่ ICU เข้าวันที่ 5 แล้ว มีอาการหัวใจเต้นช้า ความดันต่ำ และตรวจเจอ “สมองบวม”
– 8 ธ.ค. 67 เวลา 06.08 น. น้องผิงเสียชีวิตลง
อีจันขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ