เรื่อง 2 บิ๊กตำรวจยังไม่จบ! พล.ต.ท.เรวัช เผยความคืบหน้า หลังทนายตั้ม ยื่นเอกสารขบวนการส่วย ร้องตรวจสอบ

พล.ต.ท.เรวัช เผยความคืบหน้า ทนายตั้มยื่นเอกสารขบวนการส่วย ร้องตรวจสอบบิ๊กตำรวจ ย้ำ ผิดว่าไปตามผิด ไม่ช่วยใคร

จากกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้เดินทางมายังสำนักงานจเรตำรวจ ถ.รามอินทรา พร้อมหอบเอกสารเส้นทางการเงินจากเว็บพนันกว่า 1,000 หน้า มามอบให้ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) เพื่อร้องเรียนให้ช่วยตรวจสอบที่มาที่ไปของเส้นทางการเงินเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวาน (10 เม.ย. 67) พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ได้ออกมาไลฟ์สดผ่านช่องทางยูทูบของตัวเอง ถึงประเด็นที่ทนายตั้มได้ร้องเรียนขบวนการส่วย และมอบเอกสารหลักฐานมาให้ ระบุว่า จากที่ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด มีการร้องเรียนกล่าวหา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยทางตำรวจพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นที่สนใจของประชาชนเป็นอย่างมาก และเรื่องนี้ท่านนายกรัฐมนตรีก็ให้ความสนใจในฐานะเป็นผู้บริหารประเทศ มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล (รอง ผบ.ตร.) ให้ประจำที่สำนักนายกรัฐมนตรี ถือเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก และท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด เพื่อมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมี ท่านฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย , พล.ต.อ.วินัย ทองสอง และอีกท่าน เป็นอดีตรองผู้บัญชาการสูงสุด เป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าใครผิด ใครถูก ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต้องไปเสนอท่านนายกรัฐมนตรี

ส่วนที่ ทนายตั้ม เข้ามาร้องเรียนที่คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจเด็ดขาด มีความเป็นกลางทุกฝ่าย และถ้าเกิดมีชาวบ้านมาร้องเรียนตำรวจทุกชั้นยศ กรรมการชุดนี้จะไต่สวน และลงมติว่า ถ้าเรื่องเบา จะให้ย้ายจากตำแหน่ง แต่ถ้าเห็นว่าถ้ารับราชการต่อไป และเป็นปัญหาต่อพยานหลักฐาน ก็จะเสนอให้พักราชการ เมื่อไต่สวนแล้ว เห็นว่ากระทำความผิด ก็จะลงโทษไล่ออก และตามลำดับความผิด

พล.ต.ท.เรวัช กล่าวต่อว่า หลังจากกรรมการชุดนี้ได้ลงโทษ จะไม่มีการรอ ป.ป.ช. และศาล ที่ดำเนินคดีอาญา ถ้าเกิดเป็นลำดับ รอง ผบ.ตร. ก็จะส่งให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการไล่ออก ตามความเห็นของคณะกรรมการชุดนี้ ถ้าไม่ดำเนินการ 30 วัน ถือว่าเป็นความผิดวินัยร้ายแรง แต่ก็ยังมีการเปิดช่องให้คนที่โดนลงโทษ ร้องไปคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ซึ่งจะมีการพิจารณาต่อว่า ชุดกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ(ก.ร.ตร.) ชุดนี้ มีการลงโทษถูกหรือไม่ แต่ถ้าเกิดมีพยานหลักฐานใหม่ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ก็จะส่งเรื่องมาที่ตนได้ตรวจสอบอีกครั้ง

สุดท้าย พล.ต.ท. เรวัช ระบุว่า หลังจากดูพยานหลักฐาน กรรมการลงมติเป็นเอกฉันท์ ให้รับเรื่องไว้ไต่สวน เพราะมีหลักฐานที่เชื่อถือได้ และต่อไปก็จะเข้าสู่กระบวนการไต่สวนทั้งคณะองคมนตรี เมื่อเข้าสู่กระบวนการไต่สวน จะมีหมายเรียกเป็นผู้ถูกกล่าวหา เพื่อให้เข้ามาชี้แจง และเอกสารที่เข้ามายื่น จะเข้าไปธนาคารเพื่อรับรองและให้ความเป็นธรรม ซึ่งตนเองก็ต้องการให้สังคมรับรู้ว่า ยังมีความยุติธรรมอยู่ในประเทศไทย ผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่คิดกลั่นแกล้งใคร และไม่ช่วยใครแม้แต่คนเดียว


คลิปอีจันแนะนำ

ทนายตั้ม ชนแหลก แฉระบบ ส่วยตำรวจ