ไหงเป็นงั้น? หนุ่มสุดงง ซื้อรถปอร์เช่มือสอง 3 ล้าน สุดท้ายถูกตั้งข้อหา

หนุ่มเจ้าของโชว์รูมรถถึงกับงง ซื้อขายรถ โอนเงินเซ็นสัญญาเสร็จสรรพ แต่ดันถูกแจ้งความร่วมขโมยรถ

มิจฉาชีพปะปนอยู่กับพวกเราในชีวิตประจำวัน โดยพวกมิจฉาชีพจะใช้ทุกหนทางในการหลอกเอาเงินจากคนที่คล้อยตาม ดังเช่นเหตุการณ์นี้ก็เป็นอีก 1 รูปแบบการหลอก ที่ทำเอาทั้งคนโดนหลอกและทนาย ถึงกับพูดเหมือนกันว่าเป็น “คดีอลเวง”

เรื่องราวสืบเนื่องมาจาก นาย ก (นามสมมติ) ได้โพสต์ขายรถสปอร์ต ยี่ห้อ Porsche 2017 ในราคา 5 ล้านบาท ต่อมา นาย ต (นามสมมติ) ติดต่อเข้ามาในวันที่ 29 ม.ค.67 โดยบอกกับ นาย ก ว่า สนใจจะซื้อรถและต่อรองราคากันจบที่ 4.9 ล้านบาท แต่มีข้อตกลงว่า ในสัญญาให้เขียนราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งนาย ต อ้างว่า ตนจะซื้อรถให้พ่อหากพ่อรู้ว่าราคารถเกิน 3 ล้านพ่อจะไม่เอา นาย ก จึงตอบตกลง

ต่อมา นาย ต ได้ติดต่อหาเซลล์เพื่อให้เซลล์หาคนที่ต้องการซื้อรถคันนี้ และเซลล์จึงส่งคอนแทคของ นาย ต มาให้กับนายหน้าของ นายณัฐภัทร ภัทรธรรมรัตน์ หรือ คุณนัท อายุ 31 ปี เพราะคุณนัท สนใจซื้อรถ โดยคุณนัทบอกว่า เขาคุยตกลงกับ นาย ต ผ่านนายหน้าของเขาเท่านั้น ไม่เคยคุยกับ นาย ต โดยตรง

หลังจากตกลงกันจนราคาไปจบที่ 3.2 ล้านบาท คุณนัท จึงประสานไปหานายหน้าอีกคนที่ จ.หาดใหญ่ ชื่อ นาย ค (นามสมมติ) เพื่อเป็นตัวแทนไปตรวจรับรถจาก นาย ก

เมื่อ นาย ค ไปถึงหน้างานก็ได้ตรวจเช็คสภาพรถตามปกติ และเจรจาตกลงกันราคากันอีกครั้งจนราคารถไปจบที่ 3,170,000 บาท (ส่วนต่าง 30,000 นาย ค จะได้ไปเป็นค่านายหน้า) ในระหว่างตกลงราคากัน นาย ก ได้โทรคุยกับ นาย ต อยู่ตลอดเวลา และหลังจากทำสัญญาและโอนเงินกันเสร็จเรียบร้อย นาย ค ก็ได้ทำการขนย้ายรถขึ้นรถสไลด์เพื่อจะทำการส่งรถไปให้ คุณนัท ที่กรุงเทพฯ

แต่ขณะที่ นาย ค กำลังจะออกจากพื้นที่ นาย ก ก็ได้วิ่งมาบอกว่า ตนว่าโดน นาย ต หลอกแล้ว!!!

นาย ค จึงตัดสินใจพา นาย ก ขึ้นรถไปแจ้งความที่ สภ.หาดใหญ่ และนาย ค ซึ่งเป็นนายหน้า ก็ได้ให้ นาย ก โทรไประงับการโอนที่ธนาคารแล้ว แต่ไม่ทัน

ต่อมา ได้ทราบรายละเอียดจากการบอกเล่าของ นาย ก ว่าได้คุยกับ นาย ต เรื่องการซื้อขายมาตั้งแต่แรกแล้ว โดยต้องทำตามข้อตกลง คือ เมื่อ นาย ก ได้รับเงินจาก คุณนัท แล้ว นาย ต บอกให้ นาย ก โอนเงินเข้าบัญชีม้าของตัวเองเพื่อยืนยันว่าได้ซื้อขายรถเรียบร้อยแล้ว และจะโอนเงินมาคืน 4.9 ล้านบาทตามที่ตกลงกันไว้ แต่หลังจาก นาย ก โอนเงิน นาย ต ก็เชิดเงิน 3,170,000 บาท หายไปในพริบตา

คุณนัท บอกด้วยว่า ในตอนแรก นาย ต บอกให้เขานั้นโอนเงินเข้าบัญชีม้าของนาย ต แต่ คุณนัทปฏิเสธพร้อมบอกว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีที่ชื่อตรงกับชื่อเล่มรถเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะยกเลิกการซื้อขาย เพราะเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้ว ที่โอนเงินไปแต่ผู้ขายไม่ได้เงิน ตนจึงไม่ประมาท จึงได้มีหลักฐานการโอนเงินเข้าไปที่บัญชีของ นาย ก จากนั้น นาย ก ก็โอนเงินต่ออีกทอดไปให้นาย ต ซึ่งหลังจากที่โอนเงินไปแล้ว นาย ก ก็ไม่สามารถติดต่อ นาย ต ได้อีกเลย

ต่อมาเรื่องนี้กลายเป็นคดีความและได้มีการเจรจากันแต่ไม่ลงตัว โดยคุณนัท บอกว่ามันเกี่ยวอะไรกับเขาเลย ในเมื่อ นาย ก เป็นคนโอนเงินไปเอง ทำไม ตำรวจและครอบครัว นาย ก ถึงต้องยึดรถเอาไว้ ในเมื่อสัญญาการซื้อขายก็สมบูรณ์แล้ว และอีกอย่างผู้เสียหายคือ นาย ก ไม่ใช่เขา

ซึ่งตัวของคุณนัทเอง รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะตนเองและ นายหน้าของตนเอง ถูกกล่าวหาว่าเป็นมิจฉาชีพ แถมยังถูกแจ้งความในข้อหาร่วมกันขโมยรถ

ด้านทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้ฝากเตือนทุกคนว่า ถ้าจะโอนเงินหลักล้าน แนะนำให้โอนกันต่อหน้าจะเป็นการปลอดภัยกว่า เพราะช่วงนี้มิจฉาชีพในชีวิตประจำวันนั้นมีเยอะมาก รวมถึงการจะทำธุรกรรมการซื้อขายใดๆ ขอให้ตรวจสอบให้แน่ชัด ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา อย่างเช่นกรณีของคุณนัท ซึ่งเรื่องนี้ ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบง่ายๆ เพราะสุดท้ายแล้ว ต่างฝ่ายต่างมองว่าตนเองคือผู้เสียหาย แต่คนที่ลอยตัวแถมได้รับเงินไปเต็มๆ คือ นาย ต ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า นาย ต คนนี้ น่าจะเป็นมิจฉาชีพ และมีการวางแผนเอาไว้มาแล้วอย่างแยบยลโดยที่ผู้เสียหายไม่ได้เอะใจเลยแม้แต่น้อย…