จ่อออกหมายจับ 2 ตัวละครสำคัญ แก๊งศรีสุวรรณรีดทรัพย์ ศุกร์นี้

ตร.จ่อออกหมายจับ 2 ตัวการใหญ่ แก๊งรีดทรัพย์ศรีสุวรรณ พร้อมแจ้งข้อหา การ์ตูน พิมณัฏฐา ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ

จากกรณี ตำรวจ ปปป. ร่วมกับ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ซ้อนแผน รวบ นายศรีสุวรรณ จรรยา คาบ้านพัก ฐานสมคบ เจ๋ง ดอกจิก-อดีตผู้สมัคร สส. รวมไทยสร้างชาติ เรียกรับเงินจากอธิบดีกรมการข้าว 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกไม่เข้าร้องเรียนคดีความ ก่อนจะมีการขยายผลไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ล่าสุด วันที่ 31 ม.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีรีดทรัพย์ขบวนการนายศรีสุวรรณ จรรยา กับพวก ว่า อยู่ระหว่างขั้นตอนของพนักงานสอบสวนในการเชิญ “นายหมู” มาให้ปากคำในฐานะพยาน ทั้งการทำหนังสือเชิญ และการพูดคุยกันนอกรอบ เชื่อว่าเจ้าตัวจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแน่นอน แต่ยังไม่สามารถระบุวันเวลาได้ ซึ่งนอกจากนายหมูแล้ว พนักงานสอบสวนจะเชิญบุคคลที่มีอักษรย่อปรากฎทุกคนมาสอบปากคำทั้งหมด แต่ในวันนี้ได้เชิญพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีมาสอบปากคำหลายปาก หนึ่งในนั้นเป็นผู้เสียหายที่ถูกแก๊งของนายศรีสุวรรณ รีดทรัพย์ในลักษณะคล้ายๆ กัน ซึ่งผู้เสียหายจะแจ้งความดำเนินคดีกับแก๊งดังกล่าวหรือไม่ ยังไม่แน่ชัด ส่วนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ตัวย่อ ท. ที่มีข่าวว่าตกเป็นเหยื่อของขบวนการนายศรีสุวรรณเช่นกัน พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการประสานเข้าให้ข้อมูล 

นอกจากนี้พนักงานสอบสวนยังเตรียมออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการของนายศรีสุวรรณเพิ่มเติมอีกไม่น้อยกว่า 2 คน ภายในวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นตัวการที่ตำรวจต้องการตัวมาก และเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในคดี แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นบุคคลใด  ส่วนนางสาวพิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ หรือ ตูน อดีตผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดอุตรดิตถ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีการแจ้งเพิ่มเติมในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ หลังพบว่ามีการแต่งตั้งนางสาวพิมณัฏฐาเป็นคณะทำงานเขตตรวจราชการที่ 11 ของรองนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะถูกยกเลิกในวันที่มีการจับกุม ดังนั้นจะทำให้นางสาวพิมณัฏฐาเป็นผู้ต้องหาสายเดียวกับเจ๋ง ดอกจิก 

โดยเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 66 ที่มีการนำเสนอข่าวว่า นายหมู ได้พาอธิบดีกรมการข้าว และภรรยาไปเจรจากับนายศรีสุวรรณที่บ้าน และมีการจ่ายเงิน 6 หลัก ให้กับนายศรีสุวรรณนั้น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน และวันดังกล่าวเป็นเพียงการเจรจาขอให้ยุติการร้องเรียน ไม่มีการพูดคุยเรื่องผลประโยชน์หรือจ่ายเงินแต่อย่างใด โดยการจ่ายเงิน 6 หลักนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่นายศรีสุวรรณสึกจากการบวชเป็นพระ แต่ในระหว่างบวชก็มีการเจรจามาโดยตลอด ดังนั้นหลังจากนี้จะเชิญนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และนายดนุเดช ศิริวงษ์ตระกุล ที่ปรึกษากฎหมายของอธิบดีกรมการข้าว มาทำความเข้าใจข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไป 

พร้อมกันนี้ยังยืนยันด้วยว่าพนักงานสอบสวน บก.ปปป.จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง จะยึดตามพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นจริง ไม่ได้กลั่นแกล้งรังแกใคร ข้อเท็จจริงทุกอย่างกำลังเปิดเผยว่าทำไมขบวนการนี้ถึงรู้ข้อมูลวงในของหน่วยงานรัฐ และขบวนการนี้ไม่ได้ออกมาร้องเรียนเรื่องต่างๆเพื่อหวังให้ประเทศชาติดีขึ้น แต่เป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง และหากไม่แน่ใจในหลักฐานตำรวจ บก.ปปป. คงไม่กล้ารบกับยักษ์ขนาดนี้ ซึ่งนอกจากพ่อยักษ์แล้วก็ยังมีลูกยักษ์อีกเช่นกัน 

ส่วนการที่ถูกนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ติงการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ตำรวจ บก.ปปป. เข้าจับกุมตัวเจ๋ง ดอกจิก และนางสาวพิมณัฏฐา ที่ทำเนียบรัฐบาล ใช้เพียงตำรวจยศ พันตำรวจเอกในการจับกุม ถือว่าไม่ให้เกียรติสถานที่ ต่างจากที่จับกุมนายศรีสุวรรณ ที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติไปจับกุมเอง นั้น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติยืนยันว่าตามกฎหมาย ตำรวจทุกคนมีอำนาจตามกำหมายรัฐธรรมนูญสามารถจับกุมได้เท่าเทียมกัน เป็นการกระจายปฏิบัติงานตามหน้าที่ และตามขั้นตอนจะต้องจับกุมนายศรีสุวรรณที่เป็นตัวการใหญ่สุดก่อน จากนั้นจึงจะจับกุมบุคคลที่เหลือ ซึ่งเมื่อจับกุมนายศรีสุวรรณได้แล้ว ตำรวจก็ได้ประสานไปยังผู้ใหญ่ในทำเนียบเพื่อขอเข้าจับกุมอย่างเงียบๆ แล้ว และไม่ได้เป็นการไม่ให้เกียรติสถานที่ ตำรวจทุกนายมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยศ แต่ขึ้นอยู่กับกฎหมาย พร้อมขอวิงวอนให้นายพีระพันธุ์ให้รีบส่งหนังสือยกเลิกการแต่งตั้งเจ๋ง ดอกจิก และนางสาวพิมณัฏฐา เป็นเจ้าหน้าที่รัฐมาให้เจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการต่อ และอยากให้นายพีระพันธุ์เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ 


คลิปอีจันแนะนำ

ศรีสุวรรณ ยังยิ้มได้ “ทำหน้าที่นี้ต่อ ไม่หยุดหย่อน