ตร.รวบผัวเมียวัยรุ่นสร้างตัวลอบขายปืนไทยประดิษฐ์ผ่านโซเชียลกำไรกระบอกละ 2 พัน

สืบนครบาล แกะรอยกว่า 1เดือน รวบ สองผัวเมียวัยรุ่นลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ผ่านกลุ่มปิดทางโซเชียล

แบบนี้ต้องจับให้หมด!

สืบนครบาลจับกุมผู้ที่ลักลอบขายอาวุธปืนเถื่อนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ปัจจุบันสถิติอาชญากรรมที่มีการใช้นำอาวุธปืนไปประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย ปล้น ชิงทรัพย์ ในลักษณะอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายมีเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก อาทิ เหตุกราดยิงภายในห้างสรรพสินค้า, เด็กนักเรียนนักศึกษาต่างสถาบันนำอาวุธปืนไปใช้ยิงคู่อริ เป็นต้น ซึ่งหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ความพยายามสืบสวนขยายผลจนทราบว่าผู้ก่อเหตุซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเพื่อมาก่อเหตุผ่านช่องทางออนไลน์

ชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. แกะรอยสืบสวนจนพบข้อมูลจากสายลับว่า นายวีรวุธ หรือบอส และ น.ส.พิทยาภรณ์ หรือมิ้ว สองผัวเมียวัยรุ่น มีพฤติกรรมลักลอบนำอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ขนาดต่างๆ ส่งจำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งเป็นอีก 1 ตัวการสำคัญที่เป็นต้นตอของการก่อเหตุอาชญากรรมขึ้นในสังคม

หลังตำรวจเฝ้าสะกดรอยมา 1 เดือน วันที่ 22 พ.ค.67 เจ้าหน้าที่พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.ทราบว่าสองผัวเมียคู่นี้จะมาส่งปืนทางขนส่งของเอกชน จึงได้แสดงตนเข้าตรวจค้นจับกุมนายวีรวุธ หรือบอส และ น.ส.พิทยาภรณ์ หรือมิ้ว โดยพบตัวขณะขับรถจักรยานยนต์นำกล่องพัสดุซึ่งภายในมีอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์เบอร์ 12 จำนวน 2 กระบอก ในสภาพบรรจุอยู่ในกล่องพัสดุพร้อมจัดส่งให้แก่ผู้รับ พร้อมตรวจยึดสลิปการจัดส่ง สถานที่จับกุมตัว บริเวณหน้าร้าน FLASH EXPRESS สาขามโนรมย์ ตำบลหางน้ำสาคร อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท

ข้อหากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ”

จากการซักถามนายวีรวุธ อายุ 18 ปี 4 เดือน และ น.ส.พิทยาภรณ์ อายุ 18 ปี 7 เดือน ทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การว่าเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น คบหาอยู่กินด้วยกันได้ประมาณ 1 ปี ทำอาชีพหลักรับจ้างทั่วไปในพื้นที่อำเภอเมืองอุทัยธานีด้วยกัน เมื่อประมาณปลายเดือนเมษายน 2567 ตนได้เข้าไปเห็นในเฟซบุ๊กว่ามีการโพสต์ประกาศขายปืนกันอย่างแพร่หลาย ถ้าตนและแฟนหันมาทำเป็นงานเสริมน่าจะได้กำไรดี จึงลองสั่งซื้อมาและลองเอาไปโพสต์ขายทางโซเชียล ปรากฏได้กำไรดี เฉลี่ยได้กำไรกระบอกละ 2,000 บาท (ซื้อมากระบอกละ 4,000 บาท ขายกระบอกละ 6,000 บาท) จึงหันมาทำเป็นอาชีพเสริมจากงานรับจ้างทั่วไปที่ทำเป็นหลักอยู่ปกติ ที่ผ่านมาเคยสั่งปืนเพื่อนำมาส่งขายแล้วประมาณ 10 กว่าครั้ง เงินที่ได้นำมาใช้จ่ายในครอบครัวกันสองคนผัวเมีย ก่อนจะมาถูกจับกุมที่สุด 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี นำส่ง พงส.สภ.หางน้ำสาคร ภ.จว.ชัยนาท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช เปิดเผยว่า  ปัจจุบันนี้การก่ออาชญากรรมมีลักษณะที่มีการใช้อาวุธปืนประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย ปล้น ชิงทรัพย์ ในลักษณะอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเพิ่มมากขึ้น อาทิ เหตุกราดยิง นักศึกษาต่างสถาบัน เหตุทะเลาะวิวาท สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก สั่งการให้ทุกชุดปฏิบัติเร่งปราบปรามและหาทางป้องกันอย่างจริงจัง เตือน ผิดทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ซื้ออาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท  ส่วนผู้ขายขายอาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ทำ ประกอบ มี หรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท


คลิปอีจันแนะนำ

เปิดนาทีรวบ ครูดนตรีหื่น อนาจารนักเรียน