กรมควบคุมโรค ย้ำ ถุงยางอนามัย ป้องกันโรคฝีดาษลิงไม่ได้!

กรมควบคุมโรค ย้ำ ถุงยางอนามัย ป้องกันโรคฝีดาษลิงไม่ได้ วิธีป้องกันคือ หยุดมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่รู้จัก

วันนี้ (17 ส.ค.65) กรมควบคุมโรค เผยแพร่ข้อมูลเป็นอินโฟกราฟิกเรื่อง “หยุดพฤติกรรมเสี่ยงฝีดาษวานร โดยระบุว่า หยุดมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่รู้จัก / คู่นอนหลายคู่ แม้การใส่ถุงยางอนามัยจะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ แต่! ไม่สามารถป้องกันโรคฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิงได้ เพราะการสัมผัสชิดเนื้อแนบเนื้อก็สามารถติดเชื้อได้

ทั้งนี้ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวระหว่างแถลงยืนยันผู้ป่วยฝีดาษลิงรายที่ 5 เมื่อวันที่ 15 ส.ค.65 ที่ผ่านมา ว่า โรคฝีดาษวานรไม่ได้ติดต่อง่ายหรือมีความรุนแรง ส่วนใหญ่เชื้ออยู่ที่ตุ่มหนองบริเวณผิวหนังของผู้ป่วย จึงอยากแนะนำประชาชน รวมถึงผู้เดินทางไปประเทศที่มีการระบาดโรคฝีดาษวานรหรือพำนักอาศัยที่ต่างประเทศ ให้ป้องกันตัวจากโรคฝีดาษวานร ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัย เพื่อลดโอกาสการสัมผัสละอองน้ำลาย น้ำมูกของผู้ป่วย หรือสัตว์ติดเชื้อ ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำสบู่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่งของร่างกาย ไม่สัมผัสแนบชิด ไม่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่รู้จัก และรับประทานอาหารปรุงสุกสะอาด หากประชาชนมีความเสี่ยง มีการสัมผัสกับผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร หรือมีอาการสงสัย เช่น มีผื่นตามลำตัว เป็นตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง ตุ่มตกสะเก็ด มีไข้ เจ็บคอ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น สามารถเข้ารับการตรวจเชื้อได้ที่โรงพยาบาลที่ใกล้บ้านท่านได้ทันที

จากข้อมูลสถานการณ์โรคฝีดาษวานร วันที่ 14 ส.ค. 65 พบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษวานรยืนยันทั่วโลก จำนวน 35,910 ราย เสียชีวิต 13 ราย ประเทศที่มีผู้ป่วยสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 11,177 ราย สเปน 5,856 ราย เยอรมัน 3,102 ราย อังกฤษ 2,914 ราย และบราซิล 2,849 ราย

คลิปอีจันแนะนำ
หนุ่มไรเดอร์ เตือนภัย ระวังเจอลูกค้าหื่น