แจง “ห้องฉุกเฉินปิด เป็นเรื่องเข้าใจผิด” ?

แจง “ห้องฉุกเฉินปิด เป็นเรื่องเข้าใจผิด” ?

กรณี ด.ญ.ญานิศา ทัดละมัย หรือ น้องกวาง อายุ 1 ขวบ มีอาการป่วย ท้องเสียอย่างรุนแรง มีไข้สูง พ่อและแม่ของเด็กนำตัวส่งโรงพยาบาล ช่วงเช้าประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 4 พ.ค. อย่างเร่งด่วน แต่กลับได้รับคำบอกกล่าวจาก เจ้าหน้าที่เปล ที่ใส่เสื้อสีเขียว นั่งฟุ๊บหน้าอยู่ที่โต๊ะ ว่า “แผนกฉุกเฉินของ รพ.ปิดทำการ”

ภาพจากอีจัน

โดยเจ้าหน้าที่ รพ.บอกให้พ่อและแม่ของเด็ก พาเด็กไปติดต่ออีกตึกช่อง 6 และปล่อยน้องรออยู่ถึงเช้า 7 โมงกว่า น้องมีอาการแย่ขั้นวิกฤติ จึงได้เข้าห้องฉุกเฉิน แต่ทุกอย่างก็สายเกินแก้ น้อง “เสียชีวิต”

เหตุสลดที่เกิดขึ้น กลายเป็นคำถาม วิพากษ์วิจารณ์ ทันที ถึงขั้นตอน กระบวนการรักษา ดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะ คำถามที่ว่า ทำไมแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลขานดใหญ่ประจำจังหวัด จึงมีช่วงเวลาปิดทำการ ?

ภาพจากอีจัน

ล่าสุด ผอ.รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เปิดแถลงข่าว แสดงความเสียใจและน้อมรับความผิดพลาด กรณีเจ้าหน้าที่แผนกฉุกเฉินไม่รับรักษา โดยอ้างแผนกฉุกเฉินปิดทำการจนเด็กเสียชีวิต เตรียมสอบข้อเท็จจริงหากพบผิดจะดำเนินการตามระเบียบราชการ

ภาพจากอีจัน

โดยเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 5 พ.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว อ.เมือง จ.สระแก้ว นายแพทย์อภิรัต กตัญญุตานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว และนายแพทย์ภูวดล กิตติวัฒนาสาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จ พระยุพราชสระแก้ว ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่ นายพรชัย ทัดละมัย อายุ 33 ปี และนางสุพรรษา สีชมพู อายุ 30 ปี พ่อและแม่ของ ด.ญ.ญานิศา ทัดละมัย หรือ น้องกวาง อายุ 1 ขวบ ชาวบ้านคลองยาง อยู่บ้านเลขที่ 103 ม.7 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ได้นำลูกสาวไปรักษาที่แผนกฉุกเฉิน รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับรักษาโดยอ้างว่า แผนกฉุกเฉินปิดทำการ

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

นพ.ภูวดล กล่าวว่า คนไข้รายนี้มารดาพามาตรวจรักษาที่ห้องฉุกเฉินครั้งแรก เมื่อวันที่ 3 พ.ค.61 เวลา 14.00 น.ด้วยอาการไข้สูง หนาวสั่น อาเจียนและถ่ายท้อง ตรวจพบไข้ 40 องศา ชีพจร 110 ครั้งต่อนาที เด็กรู้สึกตัวและตื่นดี แพทย์วินิจฉัยว่า ลำไส้อักเสบ ให้การดูแลรักษาโดยการให้ยาลดไข้ ยาแก้อาเจียนและเกลือแร่ ไปรับประทานพร้อมเช็ดตัวลดไข้ให้จนอาการดีขึ้น ให้คำแนะนำและให้กลับไปรักษาต่อที่บ้าน

ภาพจากอีจัน

ผอ.รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ค.61 เวลาประมาณ 06.13 น.มาดาพาผู้ป่วยมาที่ห้องฉุกเฉินและพบพนักงานที่หน้าห้องฉุกเฉิน ได้พูดคุยกับมารดา ซึ่งทำให้เข้าใจว่า ห้องฉุกเฉินปิดทำการ และเปิดบริการอีกครั้งตอน 07.00 น.มาดาจึงอุ้มลูกไปรับบริการที่ตึกผู้ป่วยนอก กระทั่ง 07.02 น.มารดาเห็นว่าลูกไม่ดีขึ้น จึงพามาตรวจที่ห้องฉุกเฉิน พบว่า เด็กตัวเขียว ชีพจรเบา ตัวลายและมีภาวะขาดน้ำมาก แพทย์และเจ้าหน้าที่จึงทำการช่วยเหลือโดยให้น้ำเกลือและยาปฏิชีวนะ และใส่ท่อช่วยหายใจ

"หลังใส่ท่อ เด็กมีอาการหัวใจหยุดเต้นและช่วยฟื้นคืนชีพ ซึ่งฟื้นมาเป็นช่วง ๆ ทำการช่วยฟื้นคืนชีพทั้งหมด 3 ครั้ง ตั้งแต่ 07.35-08.57 น.และเสียชีวิตเวลา 09.35 น. จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โรงพยาบาลรู้สึกเสียใจอย่างมากและน้อมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และจะนำข้อผิดพลาดดังกล่าวไปแก้ไขให้เกิดการพัฒนาไปในทางที่ดียิ่งขึ้นไป และประชาชนปลอดภัยจากการมารับบริการจาก รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้วต่อไป เนื่องจากต้องดูแลรับบริการผู้ป่วยวันละประมาณ 400 ราย ซึ่งต้องขออภัยที่การสื่อสารหรือระบบของ รพ.ยังไม่ดีพอ ซึ่งเกิดจากการเข้าใจผิดการสื่อสารคลาดเคลื่อน ห้องฉุกเฉินไม่ได้ปิด ผู้ป่วยฉุกเฉินมาสามารถเข้าห้องได้เลย " นพ.ภูวดล กล่าว

ทางด้าน นพ.อภิรัต กตัญญุตานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ทางสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว จะดำเนินการสอบข้อเท็จจริง ถ้าพบว่า มีความผิดก็จะลงโทษตามระเบียบราชการ ซึ่งทาง นายพรพจน์ เพ็ญพาส ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ทราบข่าวและเน้นย้ำมายังหน่วยงานให้ดำเนินการให้ชัดเจน ซึ่งระบบของโรงพยาบาลเมื่อเกิดความผิดพลาดหรือเกิดความสูญเสียไม่ว่าเหตุใดก็ตาม จะต้องกลับมาทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วจะดำเนินการอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งได้ประเด็นเบื้องต้นในเรื่องการศึกษาคัดกรองผู้ป่วย ผู้ป่วยฉุกเฉินที่จะต้องดำเนินการทันที

ทั้งนี้ สำหรับการเยียวยาญาติผู้เสียหาย ภายหลังนำข้อมูลทั้งหมดมายื่นเรื่องและนัดคณะกรรมการได้เร็วก็สามารถตัดสินได้เลย ในการช่วยเหลือเยียวยาญาติผู้เสียชีวิตตามกระบวนการ ซึ่งกรณีคนไข้เสียชีวิต เข้าข่ายมาตรา 41 ตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่จะได้รับเงินเยียวยาสูงสุดไม่เกิน 400,000 บาท ทางสาธารณสุขจังหวัดก็จะช่วยเร่งรัดเพื่อให้ดำเนินการได้โดยเร็วที่สุด

นางสุพรรษา สีชมพู อายุ 30 ปี แม่ของเด็กที่เสียชีวิต กล่าวว่า พาลูกมารับการรักษาและเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉิน ซึ่งใส่เสื้อสีเขียวแจ้งกับตนเองว่า ห้องฉุกเฉินปิดทำการ จึงต้องนำลูกไปรออยู่ที่ตึกผู้ป่วยนอกนั่งเช็ดตัวอยู่จนถึงช่วงเช้า ก็พาไปห้องฉุกเฉินรอบที่ 2 กว่าลูกจะได้เข้ารักษาอาการก็แย่แล้ว หมอให้ถอดเสื้อผ้า เช็ดตัว และยังถูกหมอดุว่า ทำไมเพิ่งพาลูกมา ขณะนั้นก็ยังตั้งสติไม่ได้จนหมอเอาเด็กไปใส่เครื่องช่วยหายใจ จนต่อมาลูกก็เสียชีวิต ซึ่งตนยืนยันได้ว่า เจ้าหน้าที่บอกชัดเจนว่า ห้องฉุกเฉินปิดทำการ

ภาพจากอีจัน

ทางด้าน จ.ส.อ.มารุต คุณมี อายุ 44 ปี ญาติของผู้เสียชีวิต ระบุว่า ทางญาติปรึกษากันแล้วว่า หากการช่วยเหลือเยียวยาต่าง ๆ ยังไม่เสร็จสิ้น จะยังไม่เผาศพเด็กจนกว่าเราจะได้รับความยุติธรรม โดยจะเก็บศพไว้ที่บ้าน ซึ่งทางญาติติดใจมากเมื่อไปแจ้งความแล้วทำไมตำรวจไม่ยอมรับแจ้งความ แม้ให้ลงแค่บันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานก็ตาม และได้รับคำชี้แจงจากสถานีตำรวจว่า เดี๋ยว รพ.จะเสียหาย ให้ไปเครียร์กับ รพ.ก่อน ซึ่งเป็นอะไรที่ญาติไม่เข้าใจ ล่าสุดวันนี้ (5พค.) ทางตำรวจติดต่อกลับไปว่า ให้มาลงบันทึกประจำวันได้แล้วจึงไม่เข้าใจว่า เพราะอะไรเช่นกัน

ภาพจากอีจัน

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว ทางญาติที่เดินทางเข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวร่วมกับสื่อมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 30 คน ส่วนหนึ่งได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองสระแก้ว อีกครั้ง เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะเดินทางกลับไปที่บ้านเลขที่ 103 ม.7 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เพื่อจัดงานสวดอภิธรรมศพตามประเพณีต่อไป