ย้อนคดี เปรี้ยว ฆ่าหั่นศพ น้องแอ๋ม

ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษาโทษของ จำเลยทั้ง 5 คน ในวันพฤหัสบดี ที่ 10 พฤษภาคม

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 60 ชาวบ้าน ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น พบชิ้นส่วนมนุษย์ ถูกฝังดิน อยู่ในป่า บ้านโนนสง่า หมู่ 9 ชาวบ้านจึงแจ้งตำรวจ

เมื่อตำรวจไปถึงพบศพหญิงสาวถูกหั่นเป็น 2 ท่อน จึงทำการสืบสวน จนทราบว่าผู้ตายคือ น.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย หรือน้องแอ๋ม อายุ 23 ปี สาวหน้าตาดี ทำงานอยู่ร้านคาราโอเกะ ใน จ.ขอนแก่น

จากสภาพศพ ตำรวจตั้งปมการสังหารโหดครั้งนี้ไว้ 3 ประเด็นคือ ขัดแย้งเรื่องส่วนตัว ,ปมชู้สาว และ ถูกลวงมาฆ่าชิงทรัพย์ ตำรวจจึงเริ่มแกะรอยตั้งแต่ร้านคาราโอเกะ ตรวจกล้องวงจรปิดพบ น้องแอ๋ม ไปกดเงินหน้าเซเว่น โดยมีสาวทอมชื่อน้ำฝน ซึ่งเป็นเพื่อนของ น้องแอ๋ม เป็นคนขับมอเตอร์ไซค์ไปส่ง

เมื่อเรียก น้ำฝน มาสอบปากคำ เขาให้การว่า ตนเองรู้จักกับ น้องแอ๋ม ผ่านเฟซบุ๊กเพียง 1 สัปดาห์ เคยเจอกัน 3 – 4 ครั้ง เเละในวันที่ 23 พ.ค.60 ประมาณตี 4 เขาได้ไปส่งน้องแอ๋มที่หน้าปากซอยหอของ น้องแอ๋ม ส่วนเขาก็กลับห้องพักและได้วิดีโอคอลหากัน ซึ่งขณะนั้น น้องแอ๋มยังอยู่ด้านล่างหอพัก เมื่อวางสายไป ก็ไม่สามารถติดต่อน้องได้อีกเลย จนมาทราบว่าน้องเสียชีวิต

ภาพจากอีจัน
นอกจากนี้ ตำรวจยังทราบว่า น้องแอ๋ม ได้สนิทสนมอยู่กับ ป๊อปปี้ สาวทอมอีกคนหนึ่งที่คบหากับ น้องแอ๋มมาประมาณ 3 ปี ก่อนที่ น้องแอ๋ม จะไปแต่งงานกับ นายศักดิ์ชัย ชาว จ.หนองคาย ก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาคบกันและเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่ด้วยกันเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดย ป๊อปปี้ เล่าว่าตนเอง ติดต่อหา น้องแอ๋ม ครั้งสุดท้ายเมื่อเวลา 06.22 ของวันที่ 23 พ.ค. ขณะนั้น น้องแอ๋ม บอกว่าอยู่กับเพื่อน จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย

จากนั้นตำรวจจึง เรียกนายศักดิ์ชัย สามีของน้องแอ๋ม มาสอบปากคำ ในวันที่ 26 พ.ค. โดยเจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนด้านความสัมพันธ์ ตนและ น้องแอ๋ม แต่งงานกัน เมื่อต้นปี และย้ายไปทำงานที่ กรุงเทพฯ ด้วยกัน ก่อนที่ น้องแอ๋ม จะขอมาอยู่กับญาติที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งตอนนั้นตนเองก็รู้ว่า น้องแอ๋ม จะมาอยู่กับแฟนทอม แต่ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร

จากการสอบสวนทั้ง 3 คน ตำรวจยังไม่พบพิรุธ

ภาพจากอีจัน

แต่ตำรวจได้เบาะแสเพิ่มเป็นรถต้องสงสัย ที่น้องแอ๋ม ขึ้นจากหน้าปากซอยหอพัก ก่อนที่จะพบเป็นศพถูกหั่น แต่ตำรวจยังไม่เปิดเผยข้อมูล จนวันที่ 29 พ.ค. ตำรวจขอศาลจังหวัดขอนแก่นออกหมายจับ 1.นายวศิน อายุ 22 ปี 2.น.ส.จิดารัตน์ อายุ 21 ปี 3.น.ส.ปรียานุช อายุ 24 ปี และ 4.น.ส.กวิตา อายุ 25 ปี 

ภาพจากอีจัน

ในวันเดียวกัน นายวศิน ได้ติดต่อเข้ามอบตัวที่ สภ.อุดรธานี แต่ไม่มาตามนัด จนวันที่ 30 พ.ค. เจ้าหน้าที่ บก.สส.ภาค 4 สามารถจับ นายวศิน ได้ที่เกสต์เฮาส์ ใกล้มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว แขวงนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดย นายวศิน รับสารภาพ รู้เห็นการฆาตกรรม น้องแอ๋ม โดยก่อนเกิดเหตุได้เช่ารถซีอาร์วี และไปลักพาตัว น้องแอ๋ม มา โดยซัดทอดว่า น.ส.ปรียานุช หรือ เปรี้ยว ใช้ถุงพลาสติกคลุมหัวน้องแอ๋ม และลงมือซ้อม ซึ่งขณะนั้น น้องแอ๋ม พูดท้าทายว่า “ซ้อมเลย ถ้าไม่ตายจะมาเอาคืน”
เปรี้ยว จึงบีบคอน้องแอ๋มจนแน่นิ่งไป

ภาพจากอีจัน

หลังจากนั้น เปรี้ยว ได้ให้ วศิน ขับรถไปยัง อ.เขาสวนกวาง เพื่อนำศพ น้องแอ๋ม ไปทิ้ง โดยแวะซื้อ ถุงพลาสติก ปูนซีเมน เสียม ใบมีน และเลื่อย ตามร้านขายวัสดุก่อสร้างระหว่างทาง ก่อนจะขับรถไปที่รีสอร์ท ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น และ เปรี้ยว ก็ลงมือหั่นศพน้องแอ๋ม แต่เพียงผู้เดียว

นายวศิน ยังเล่าถึงสาเหตุการฆาตกรรมครั้งนี้ว่า เปรี้ยวแค้นที่ น้องแอ๋ม เป็นสายให้ตำรวจมาจับ เปรี้ยวในคดียาเสพติด

ภาพจากอีจัน

เเละในวันเดียวกัน สามารถจับตัว น.ส.จิดารัตน์ หรือเบนซ์ ได้หลังหนีไปกบดานอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี จากการสอบสวน เบนซ์ให้การว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่า น้องแอ๋ม เพราะในวันเกิดเหตุอาศัยอยู่ที่กรุงเทพ แต่ถึงแม้เธอจะไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ เบนซ์เป็นคนนำทรัพย์สินของ น้องแอ๋ม ไปขาย

ภาพจากอีจัน

ต่อมา ตำรวจสืบทราบพบผู้ร่วมก่อเหตุเพิ่มอีก 1 คนคือ น.ส.อภิวันทน์ หรือ แจ้ จึงขอศาล จ.ขอนแก่น ออกหมายจับ และได้เบาะแสว่า เปรี้ยว เอิร์น และแจ้ซ่อนตัวอยู่ในประเทศเมียนมา
จนวันที่ 3 มิ.ย. เวลา 21.37 น. สามารถจับแก๊งฆ่าหั่นศพได้ทั้งทีม โดยตำรวจเมียนมา ส่งต่อผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ให้กับตำรวจไทยที่ ตม.เชียงราย หลังพวกเธอไปทำงานอยู่ที่ร้านโอโซนคาราโอเกะ

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

วันที่ 5 มิ.ย. ตำรวจคุมตัว เปรี้ยว เอิร์น และ แจ้ ไปทำแผนยังที่เกิดเหตุ 8 จุด คือ รีสอร์ทสถานที่หั่นศพ หน้าร้านสะดวกซื้อที่ซื้อถุงพลาสติกใส่ศพ ร้านขายอุปกรณ์การช่าง ที่ซื้อเลื่อย ปูนซีเมนต์ ถัง และที่ฝังศพ น้องแอ๋มจากการสอบปากคำพบว่า คำให้การขัดแย้งกับ นายวศิน โดยอ้างว่าวันเกิดเหตุ วศิน แจ้ และเอิร์นช่วยกันหั่นศพ น้องแอ๋ม และนำศพไปฝัง ก่อนที่จะแยกย้ายกันหนีไป โดยมีเงินติดตัวหลายหมื่น จึงเดินทางไปทำงานที่ร้านคาราโอเกะ ในประเทศเมียนมา ได้ประมาณ 2 วันแต่ทางร้านถูกตำรวจกดดันและอาจถูกปิดร้าน จึงหลบหนีไปตามหมู่บ้านต่างๆในเมืองท่าขี้เหล็ก ซึ่งตอนนั้นตนเองอยากจะเข้ามอบตัว แต่สงสาร เอิร์น และ แจ้ ซึ่งทั้งคู่ขอเวลาทำใจก่อน และตัดสินใจไปเดินซื้อของเพื่อเตรียมตัวโดนจับ ทั้งหมดถูกตั้ง 5 ข้อหา คือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันลอบฝังซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่น ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว ทำให้ผู้อื่น ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และข้อหาร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดย ไม่มีเหตุอันควร

ภาพจากอีจัน

ล่าสุด ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษาโทษของ จำเลยทั้ง 5 คน ในวันพฤหัสบดี ที่ 10 พฤษภาคม นี้