“โรคไหลตาย” ความตายที่คนตายไม่รู้ตัว
การเกิดภาวะไหลตาย เกี่ยวข้องกับการเต้นระริกของหัวใจ ที่เราพบในคนไข้ไหลตายนั้น เกิดจากหัวใจห้องล่าง ซึ่งปกติเป็นปั๊มหลักคอยบีบเลือดไปเลี้ยงร่างกาย เมื่อประตูหัวใจห้องล่างเกิดไฟฟ้าลัดวงจรทำให้มีการเต้นไม่สม่ำเสมอของหัวใจห้องล่าง เกิดไฟฟ้ามากระตุ้นให้เป็นจุดเล็กๆ และแทนที่หัวใจห้องล่างจะบีบตัวโครมๆ เพื่อเอาเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ก็บีบตัวไม่ได้และสั่นระริกๆ ทำให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายและสมองไม่เพียงพอ ภายใน 30 วินาทีจะเป็นลมหมดสติ 4 นาทีต่อมาถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นสมองจะตาย และภายใน 6 – 7 นาที ถ้ายังไม่หายก็จะเสียชีวิตในที่สุด
อาการของภาวะเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายและสมองไม่เพียงพอ คือเกิดการเกร็งของแขนและขา หายใจเสียงดังจากการมีเสมหะในหลอดลม บางรายอึฉี่ราด เพราะสูญเสียการควบคุมของระบบประสาทโดยอัตโนมัติ ผู้ป่วยจะมีใบหน้าและริมฝีปากเขียวคล้ำ
จากนั้นจะเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว หากไม่ได้รับการกู้ชีพที่มีประสิทธิภาพ หรือไม่มีการใช้ไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจให้กลับมาทำงานเป็นปกติ
การรักษาโรคไหลตายในทางการแพทย์มี 2 วิธี คือ การใช้ยาและการฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ การให้ยา ก็ขึ้นอยู่กับอาการโรคไหลตาย ว่ารุนแรงแค่ไหน หากรุนแรงมาก การใช้ยารักษาก็อาจไม่ได้ผล และต้องใช้วิธีฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจเข้าไปในร่างกายแทน
คนไข้ส่วนใหญ่ที่เป็นโรคไหลตาย ในวันปกติจะไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น แต่ในวันดีคืนดี หรือว่า ในวันที่พักผ่อนน้อยๆ ดื่มเหล้า หรือใช้สารเสพติด รวมถึงยาบางอย่างหรือในวันที่ไม่สบาย อาจทำให้อาการไหลตายเกิดขึ้นและเสียชีวิตกะทันหัน
วิธีการรักษาที่ดีที่สุด คือ การฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ เพื่อควบคุมการเต้นของหัวใจให้ผู้ที่เคยตกอยู่ในภาวะไหลตายสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ
การดูแลหลังการรักษา ต้องหลีกเลี่ยงการกดบริเวณหัวไหล่ ไหปลาร้าข้างที่ใส่เครื่อง เพราะอาจทำให้สายหัก
ทั้งนี้ ด้านอาหารการกินยังต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อน กินอาหารที่สะอาดถูกหลักอนามัย และให้สารอาหารเพียงพอต่อร่างกาย โดยเฉพาะวิตามินบี ที่สำคัญ ควรกินอาหารที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือดอย่างสม่ำเสมอ เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ถั่วดำ ถั่วแระ เต้าหู้ เป็นต้น
บางครั้งถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา การปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือ จับผู้ป่วยนอนราบ ระหว่างรอรถพยาบาลหรือรอคนมาช่วยให้ประเมินผู้ป่วย หากไม่หายใจ หรือ ชีพจรที่คอไม่เต้น ให้กดหน้าอกยุบลงราว 1.5 นิ้ว แล้วปล่อยให้คลายตัวเป็นชุด ในความถี่ราว 100 ครั้งต่อนาที โดยไม่หยุดจนกว่าจะถึงมือแพทย์ หรือ จนกว่าผู้ป่วยจะรู้ตัว
ความเสี่ยงที่เป็นภัยเงียบอย่างแท้จริง! อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองและคนรอบข้างด้วยนะคะ แอดเป็นห่วงทุกคน