2 คดีนี้ช่างเหมือนกัน

ลูก/สามีคลั่ง ร้องเจ้าหน้าที่ช่วย จบด้วย “เขา” ตาย เจ้าหน้าที่ตกเป็นผู้ต้องหา

2คดีนี้…ช่างเหมือนกัน !!!
ลูก/สามีคลั่ง ร้องเจ้าหน้าที่ช่วย จบด้วย “เขา” ตาย เจ้าหน้าที่ตกเป็นผู้ต้องหา


คดีแรก พ่อร้องสื่อ ทหารทำร้ายลูกชายจนตาย แต่คดีไม่คืบ ยอมเก็บศพแช่เย็น
เหตุเกิดวันที่ 8 พฤษภาคม 2561 ที่ จ.นครพนม นายดุสิต ถานัน อายุ 65 ปี ชาว อ.เรณูนคร จ.นครพนม ร้องลูกชายเสียชีวิตไม่ธรรม เหตุเพราะตนไปขอร้องให้ทหารเข้ามาพาลูกชายซึ่งมีอาการเครียดไปบำบัดแต่กลับเกิดเหตุทำให้ลูกชายเสียชีวิต

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
นายดุสิต ถานัน อายุ 65 ปี พ่อผู้ตาย เล่าถึงความสูญเสียนี้ว่า ลูกชายการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราคำแหง เคยทำงานบริษัทเอกชนที่ กทม.ได้เงินเดือนกว่า 20,000 บาท ส่งมาดูแล พ่อแม่ เป็นเสาหลัก เป็นความหวังครอบครัว แต่ต่อมาลูกชายได้ตัดสินใจไปทำงานเมืองนอกเนื่องจากมีเพื่อนชวนว่าค่าแรงสูงจึงตัดสินใจลาออกไปทำงานประเทศฟินแลนด์ แต่ผิดหวังถูกหลอกไป 3 เดือนและถูกส่งกลับ จึงเกิดป่วยโรคเครียดจนต้องรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ล่าสุดวันเกิดเหตุผู้ตายได้มีปากเสียงทะเลาะกับหลานสาว ผู้นำชุมชนแนะนำให้พาลูกไปรักษากลัวคุ้มคลั่งรุนแรงมากกว่านี้ จนมีคนแนะนำให้ติดต่อทหารมาช่วยคุมตัวไปรักษาฟื้นฟูที่โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ 
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

นายดุสิตเล่าถึงเช้าวันเกิดเหตุว่า วันนั้นขณะตนไม่อยู่บ้าน ลูกชายอีกคนโทรมาแจ้งว่า ทหารจะมาคุมตัวพี่ชาย คือผู้ตายไปรักษาตามที่ ตนได้ติดต่อขอความช่วยเหลือไป ซึ่งตนพยายามแจ้งให้รอตนกลับไปบ้าน แต่ไม่ทัน ขณะผู้ตายไปเฝ้าสวนเกษตรในทุ่งนา ทหารได้เข้าไปหาพูดคุยจะคุมตัวไปรักษา ผู้ตายขัดขืนวิ่งหนี เพราะเป็นคนที่มีความเครียดอยู่แล้ว คงเกิดความหวาดกลัว ทหาร 3 นาย พยายามเข้าจับกุมตัวจนเกิดความรุนแรง ผู้ตายพยายามต่อสู้ และวิ่งหลบหนี ทหารอีกคนจึงชักปืนพกขึ้นยิง 3 นัด เข้าที่ขาขวาผู้ตาย 1 นัดทะลุ พอล้มลงก็ใช้ไม้ทุบตีศีรษะจนเสียชีวิตคาที่ ทหารจึงพยายามหาทางนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอเรณูนคร แต่ไม่ทันเสียชีวิตแล้ว

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

ผมถามคืนว่าฆ่าลูกผมทำไม? ลูกผมผิดอะไร? แค่ป่วยเครียดยังไม่ได้ฆ่าใครตาย ผมเพียงอยากให้มาช่วยนำไปรักษาตัว เพราะเป็นความหวังครอบครัว ทุกวันถึงป่วยเครียดแต่ยังทำงานช่วยเหลือครอบครัวได้ตลอด มาถึงวันนี้ครอบครัวสูญเสียครั้งใหญ่ แต่ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเหลือ แจ้งความตำรวจไปยังเงียบ มีเพียงทหารที่ฆ่าลูกชายมาเสนอว่ามีเงินช่วยเหลือแค่แสนบาท ผมยืนยันไม่รับ ยอมนำศพลูกชายแช่เย็นไว้ในโรงเย็นที่วัด จนกว่าจะมีคนออกมารับผิดชอบ
ผลการชันสูตรศพของลูกชายสรุปสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนไม่ทราบขนาด จำนวน 1 นัด เข้าที่บริเวณ ขาขวา นอกจากนี้ศีรษะยังถูกทุบตีด้วยของแข็งจนศีรษะยุบ

ภาพจากอีจัน

หลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความไว้ ที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561 ทางตำรวจได้ทำการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ตามขั้นตอนของกฎหมาย และเรียกตัวทหารที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน ต่อมาการแจ้งข้อกล่าวหากับทหาร 2 นาย ที่ทำร้ายร่างกาย นายพัฒนพงษ์ ถานัน อายุ 36 ปี จนเสียชีวิตแล้ว ทราบชื่อ คือ จ.ส.อ.กิติตศัพท์ อิททร์ติยะ อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้เสียชีวิต จำนวน 3 นัด กระสุนถูกขาขวาผู้ตาย 1 นัด ส.ต.ธีรวัฒน์ ไชยขันธ์ อายุ 22 ปี ทั้ง 2 นาย เป็นทหารชุดรักษาความสงบเรียบร้อย กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 นครพนม ที่ร่วมกันใช้ไม้ทุบตี จนเป็นเหตุให้ นายพัฒนพงษ์ ถานัน อายุ 36 ปี เสียชีวิต ทั้ง 2 นาย ได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร เป็นที่เรียบร้อย ในข้อหา ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตอนนี้อยู่ระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ส่วนการสอบสวนทางทหารทั้ง 2 นาย ให้การเบื้องต้นว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ระงับเหตุป้องกันตัวเพราะผู้ตายอาละวาด พยายามจะใช้อาวุธมีดฟันต่อสู้จึงต้องหาทางป้องกันตัว ทั้งนี้ทางทหารทั้ง 2 นาย ยังได้ แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ตายเช่นกัน ในข้อหาต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงาน และทำให้เสียทรัพย์ อย่างไรก็ตามทางตำรวจจะได้ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ขอให้ประชาชน มั่นใจยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมายตรงไปตรงมา ผิดถูกว่าไปตามข้อเท็จจริง ไม่มีละเว้น พล.ต.ต.สมชาย ครรภาฉาย ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 นครพนมจะออกมายืนยันว่า ทางหน่วยงานทหารไม่มีการทอดทิ้ง โดยก่อนหน้านี้ทางฝ่ายทหาร ยืนยันว่าได้มีการเข้าไปดูแลช่วยเหลือ นำเงินสดจำนวน 10,000 บาท เข้าไปช่วยเหลือจัดงานศพ ส่วนการดำเนินการด้านอื่นๆ ทั้งการสอบสวนเอาผิดรวมถึง การชดเชยเยียวยา ไม่ได้เพิกเฉยอยู่ระหว่างการเจรจาตกลง และพร้อมที่จะดูแลช่วยเหลือ

ถอยไปเพียง 7 วันก็เกิดคดีคล้ายกันนี้ แต่เกิดที่ภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช
ภรรยาร้องตำรวจช่วยจับสามีคลั่ง จุดจบกลับกลายเป็น “วิสามัญฆาตกรรม”



เหตุเกิดวันที่ 1 พ.ค. 61 น.ส.ฐานิตย์ แจ้งตำรวจขอความช่วยเหลือ เนื่องจากสามี หรือ นายประภวิษณุ์ ซึ่งตนพยายามจะขอเลิกรา เกิดอาการคุ้มคลั่งทำลายข้าวของในบ้านและขู่จะยิงเธอ เธออยากให้ตำรวจควบคุมตัวเขาไปบำบัดเนื่องจากสามีติดยาเสพติด ทำให้ชีวิตครอบครัวพัง
เมื่อตำรวจมาถึงที่บ้านสามีของเธอก็ขับรถหายไป ต่อมามีเพื่อนแจ้งว่า สามีจอดรถอยู่ที่ศาลาข้างทาง ตำรวจจึงออกไป และผลที่ตามมา คือ…การไล่ล่า

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
เริ่มจากตำรวจสายตรวจป้องกันปราบปรามรีบรุดไปที่เกิดเหตุ แต่เมื่อไปถึง นายประภวิษณุ์ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และขึ้นรถกระบะ ยี่ห้ออิซูซุ ดีแมกซ์ ตอนครึ่ง สีบรอนซ์เงิน ขับหลบหนี มุ่งหน้าเข้า อ.เมือง ตำรวจจึงขับรถไล่ติดตามจับกุมอย่างกระชั้นชิด โดยมีรถสายตรวจ 20 คัน และรถยนต์กระบะตำรวจชุดสืบสวนรวมจำนวน 3 คันการไล่ล่าเป็นไปอย่างดุเดือด นายประภวิษณุ์ ยิงสวนเจ้าหน้าที่เป็นระยะๆ จนถึงถนนสายเบญจมฯ-นาพรุ บริเวณจุดยูเทิร์นบ้านวังรัก หมู่ 5 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ตำรวจยิงต่อสู้กับคนร้ายจนสามารถหยุดรถของคนร้ายเอาไว้ได้ แต่ไม่แน่ใจว่าคนร้ายในรถมีจำนวนกี่คนและถูกยิงเสียชีวิตแล้วหรือไม่ ทางตำรวจชุดไล่ล่าจึงยังไม่กล้าผลีผลามเข้าไปตรวจสอบเพราะเกรงว่าคนร้ายจะยิงสวนออกมา จึงขอกำลังสนับสนุน จาก สภ.เมืองนครศรีธรรมราช
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ส่งตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้งโล่เพื่อมาช่วยตรวจสอบรถคนร้ายจอดชิดเกาะกลางจุดยูเทิร์นฝั่งขาเข้าเมือง พบยางล้อรถทั้ง 4 เส้น ถูกยิงจนแตกระเบิด ด้านข้างรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวามีรอบกระสุนปืนจนฉีกขาดเกือบ 10 แห่ง ตำรวจตะโกนเรียกคนร้าย แต่ไร้การตอบรับ จึงใช้ค้อนทุบกระจกรถด้านข้างคนขับจนแตกและดึงล็อคประตูรถจนสามารถเปิดออกมาได้ และพบกับร่างผู้เสียชีวิต 1 ราย นอนหงาย ศีรษะเอนไปทางด้านซ้ายตรงเบาะที่นั่งคนขับ ที่เอวด้านหน้าเหน็บซองอาวุธปืน 1 ซอง แต่เนื่องจากเป็นคดีวิสามัญฆาตกรรมทำให้ยังไม่สามารถตรวจพลิกศพได้ จึงแจ้งผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางมายังที่เกิดเหตุ
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
แต่ตำรวจเกรงว่าผู้ตายอาจจะพกพาระเบิดติดตัวมาด้วย ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายได้ จึงประสานเจ้าหน้าที่ชุดกู้ระเบิด หรือ EOD กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราชมาตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อน จนแน่ใจว่าไม่มีวัตถุระเบิดอยู่ภายในรถจึงอนุญาตให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจ เข้าไปยกศพนำออกมาจากรถ จากนั้นแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอนของกฏหมาย โดยพบว่านายประภวิษณุ์ถูกยิงด้วยกระสุนปืนยังไม่ทราบชนิดและขนาดเจาะเข้าที่บริเวณหน้าอกซ้ายกระสุนตัดขั้วหัวใจ 1 นัด เเละภายในรถพบยาบ้าห่อกระดาษซุกซ่อนอยู่จำนวน 107 เม็ด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


น.ส.ฐานิตย์ ภรรยาผู้ตาย กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ สามีบอกมาว่าอยากจะเข้ามาในบ้าน อยากจะเข้ามาปรับความเข้าใจ และจะหยุดเสพยา โดยที่ผ่านมามีการรักษาเป็นบางช่วง ซึ่งตนยอมรับว่าเป็นคนแจ้งตำรวจจริง แต่ไม่คิดว่าจะทำให้สามีเสียชีวิตในเวลาต่อมา เพียงแค่อยากให้สามีเลิกยาและกลับมาเป็นพ่อที่ดีของลูกเท่านั้น
ที่สำคัญตนไม่ปักใจเชื่อว่ายาเสพติดจำนวน 107 เม็ดที่เจอนั้นจะเป็นของสามี เพราะสามีเป็นคนทำมาหากินสุจริต และตนเป็นคนพาสามีไปหาหมอบำบัดด้วยตนเองตลอด วันนี้เธอจึงเดินทางขึ้นกทม.เพื่อมาร้องเรียนให้ตำรวจกองปราบสอบคดีนี้ให้กระจ่าง

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน