ย้อนกลับไปเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เรามักเห็นข่าวคนฆ่าตัวตายด้วยวิธีต่างๆ มากมาย โดยสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นคิดสั้น ปลิดชีพตัวเอง เป็นเพราะเครียดจากปัญหาติดขัดทางการเงิน อย่างเช่นข่าวแรกนี้
วันที่ 13 ส.ค. 62 สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบรถต้องสงสัยจอดติดเครื่อง มีคนนอนอยู่ด้านใน 3 คน คาดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว เหตุเกิดภายในซอยบุญลักษณ์ ถนนเลียบมอเตอร์เวย์ หมู่ 14 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จากการตรวจสอบภายในรถ ที่เบาะหลังพบศพสองแม่ลูก นั่งกอดกันเสียชีวิตอย่างน่าสลด ทราบชื่อคือ นางณัฐณิชา นิลโคตร อายุ 33 ปี ชาว อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี และบัตรประชาชนอีกใบ ที่ผู้ตายเพิ่งเปลี่ยนชื่อและนามสกุล เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 61 โดยใช้ชื่อใหม่ คือ นางสาวดารัณ มีวรรณสุขกุล ส่วนลูกทราบชื่อ ด.ญ.ฟ้าใส นิลโคตร อายุประมาณ 4-7 ปี โดยมีบัตรประจำตัวโรงเรียนอนุบาลลาดสวาย ย่านคลองสี่ ลำลูกกา และ นายสุรเชษฐ์ นิลโคตร อายุ 36 ปี ชาว อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี สภาพศพนั่งเสียชีวิตอยู่ที่เบาะคนขับ ในลักษณะตะแคงซ้าย
จากการสอบถามญาติของผู้เสียชีวิต ทราบว่า สาเหตุของการปลิดชีพยกครัวนั้น เนื่องจากผู้ตายเคยเปิดเต๊นท์รถและร้านชาบู แต่ประสบปัญหาเรื่องหนี้สินและสภาพคล่องทางการเงิน จนถูกฟ้องร้องและยังเคลียร์ปัญหาผ่อนชำระกันอยู่ คาดว่าน่าจะเกิดจากอาการเครียดจึงก่อเหตุสลดดังกล่าว
โดยจดหมายฉบับหนึ่งระบุไว้ว่า “พ่อขอโทษน้องเนมและแม่ด้วย ที่ไม่สามารถดูแลและเลี้ยงดูหนูได้ เพราะวิ่งรถหาเงินไม่พอรายจ่าย ต้องเอาเงินแม่มาส่งรถทุกเดือน จนเงินจะหมดแล้ว หนูต้องดูแลตัวเองนะลูก ไปเดินเรื่องประกันสังคมเอาเงินมา รักหนูมากนะลูก”
และอีกฉบับหนึ่งระบุว่า “ถึงต้อ น้าขอฝากต้อช่วยส่งน้องเนมเรียนเทคนิคให้จบ น้าหวังว่าต้อคงดูแลน้องเนมได้ เผื่อต้อส่งน้องเรียนอาจจะได้ดีเหมือนต้อ รักต้อ น้าอู๊ด”
โดยจดหมายที่ นางนิศา เขียนนั้น ระบุไว้ว่า “ถึงโต๋ลูกรักของแม่ กว่าโต๋จะได้อ่านจดหมายฉบับนี้ของแม่ แม่คงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว โต๋ไม่ต้องเอาศพแม่กลับบ้านนะลูก มันยุ่งยากเสียเวลาสิ้นเปลือง เอาแม่กับลุงมาเผาที่วัดห้วยปรับนะลูก เอาไว้คืนเดียวก็พอ แล้วเอาไปลอยอังคาร ไม่ต้องเอากระดูกแม่กลับบ้าน ไม่ต้องเอาไปเก็บไว้กราบไหว้นะ “ให้แม่อยู่ในใจลูกก็พอ” เวลาทำบุญใส่บาตรให้โต๋ทำเผื่อลุงด้วยนะลูก แม่ฝากโต๋ดูแลยายและครอบครัวโต๋ให้ดีนะลูก รวมถึงพ่อโต๋ ด้วยนะสงสารแก
เรื่องนี้โต๋ส่งต่อนะ ส่งหมดไม่อยากทำอะไรก็ขายซะ แม่มีพวกประกัน ไปติดต่อเอานะ”
และในวันที่ 20 ส.ค.62
แม่กลับมาเขียนจดหมายฉบับนี้เพิ่ม โดยระบุวันเขียนชัด
“20 ส.ค.62 ลุงชายเขาฝากโต๋ บอกแม่เขาด้วยว่าเงินที่จะได้จากการเสียชีวิตทางโรงงาน หลังจากเสร็จงานศพเงินส่วนที่เหลือทั้งหมดให้แบ่งใช้หนี้ให้แกด้วย คนในโรงงาน
ของที่อยู่ในร้านที่เป็นของเราก็เอาออกจากร้านเค้าด้วยนะลูก ถ้าจะเอากลับบ้านไปบริจาคก็เหมารถหกล้อน้าเจี๊ยบไป ของเราตู้เย็นสองหลัง ตู้เสื้อผ้าสามหลัง/เตียง ของในครัวถ้วย/หม้อในชั้นใช่หมด พัดลมทั้งหมด โต๊ะวางหม้อข้าว
ส่วนของขายให้ป้าดาเอาไปขายเลย ตู้กับข้าวรอบบ้านกล่องด้านหลังตรงปั๊มน้ำ
แม่เหนื่อย แม่ล้ากับชีวิต
แม่รักลูกนะ ลูกคนเดียวที่ทำให้แม่อยู่จนถึงวันนี้
แม่ไม่อยากให้ลูกรับรู้อะไร แม่ไม่อยากรบกวนลูกแม้แต่บาทเดียว”