สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติบราซิลในวันที่ 22 ส.ค.62 เผยว่า ปี 2019 เกิดเหตุไฟไหม้ถึง 75,336 ครั้งแล้วในบราซิล เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 85 โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของเหตุร้ายนี้ เกิดขึ้นในป่าอะเมซอน ซึ่งหากนับตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา จำนวนไฟไหม้ป่ามีมากถึง 36,771 ครั้งแล้ว เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจถึง 175 เปอร์เซ็น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของเดือนที่แล้ว
เมื่อวันที่ 21 ส.ค.62 ชาอีร์ โบลโซนาโร (Jair Bolsonaro) ประธานาธิบดีบราซิล ได้กล่าวหาองค์กรนอกภาครัฐ (NGO) ว่าเป็นต้นเหตุของกองไฟที่ลุกลามเพิ่มขึ้นในป่าอะเมซอน ทางตอนเหนือของประเทศ โดยไม่มีหลักฐาน ทว่า บรรดานักสิ่งแวดล้อม กลับแย้งว่า ไฟเหล่านี้เกิดจากการกวาดล้างพื้นที่ป่าเพื่อทำการเกษตรของบราซิล
คำพูดดังกล่าว สร้างความไม่พอใจให้แก่เหล่านักสิ่งแวดล้อม พวกเขาชี้ว่า นโยบายต่อต้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลคือ ตัวการที่ทำให้เกิดการทำลายป่าและการเผาไหม้
ก่อนหน้านี้ ซินหัว ยังได้รายงานข้อมูลจาก สถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติของบราซิลว่า ตั้งแต่มกราคม – สิงหาคมปีนี้ จำนวนไฟป่าในบราซิลพุ่งทะยานขึ้นกว่าร้อยละ 82 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
“เราติดตามรายงานอย่างใกล้ชิด และกังวลอย่างมากเกี่ยวกับเหตุไฟไหม้เหล่านี้” เขากล่าวพร้อมชี้ว่าไฟก่อให้เกิดความเสียหายในทันที และการรักษาป่าไม้ไว้ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“ประชาคมระหว่างประเทศตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้ ไม่เพียงแต่ในอะเมซอนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงป่าในลุ่มน้ำคองโก ในอินโดนีเซียด้วย” ดูจาริกกล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก : ชินหัว, www.xinhuathai