กลายเป็นเรื่องที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจและจับตาอย่างใกล้ชิด หลังจากที่มีกระแสข่าวว่าราคาค่าไฟเตรียมปรับเพิ่มขึ้น ต้อนรับหน้าร้อนนี้ โดยจะปรับขึ้นเป็นหน่วยละ 5 บาท 44 สตางค์ ในช่วงรอบบิลที่จะถึงนี้
ล่าสุด นายคมกริช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ กกพ. ได้เปิดเผยผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า “จริงๆ เรื่องการปรับราคาค่าไฟ เราได้มีการแบ่งกรณีศึกษาออกเป็น 3 กรณี ซึ่งกรณีแรกคือการคิดตามสูตรการคิดค่า FT คือ ภาระที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าเท่าไหร่บวกกับหนี้เก่าที่ค้างอยู่ที่ กฟผ. 99,689 ล้านบาท รวมมาแล้วจะทำให้ค่าไฟเป็นตกอยู่ที่ 5.43 บาทต่อหน่วย
คมกริช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ กกพ.
ส่วนกรณีที่ 2 จ่ายหนี้คืน กฟผ. ภายใน 4 งวด งวดละ 24,922 ล้านบาท 4.34 บาทต่อหน่วย แต่หากนับช่วง มกรา เมษา พฤษภา ถึง สิงหา ปี 66 กฟผ. ได้รับคืนนี้ก้อนใหญ่ไปแล้ว เราเลยต่อในส่วนที่เหลืออีก 4 งวด
ส่วนกรณีที่ 3 เป็นกรณีที่ทาง กฟผ. เสนอมาเพื่อไม่ให้ภาระค่าไฟกระทบกับประชาชนมากเกินไป โดยขอยึดอัตรา 4.18 บาทต่อหน่วย ซึ่งทาง กฟผ. เองก็ขอการสนับสนุนจากเราในเรื่องของการส่งรายได้เข้ารัฐที่อาจล่าช้านิดหน่อย
อย่างไรก็ตามเราได้นำทั้ง 3 กรณีมาพิจารณาและเปิดรับฟังความคิดเห็น ซึ่งในกรณีที่ 3 นี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด นอกจากนี้จะต้องดูเรื่องความสมดุลของผู้ผลิต และผู้ใช้ไฟ แต่แน่นอนว่าเราจะดูผลกระทบของประชาชนเป็นหลัก แต่ผู้ประกอบการอย่าง กฟผ. และ ปตท. ก็ต้องอยู่ได้เช่นกัน ส่วนการไฟฟ้าฯก็จะได้รับการคืนหนี้ซึ่งก็ยังจะสามารถรักษาสภาพคล่องเอาไว้ได้
หากยึดอัตราค่าไฟ 4.18 บาทต่อหน่วย ทางเลขาฯ กกพ. ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาใดๆเนื่องจากตัวเลขนี้ยังอยู่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตที่ 4 บาทต้นๆ เท่านั้น ซึ่งเราต้องดูต้นทุนในอนาคต ยิ่งถ้ามีแก๊สในอ่าวไทยเข้ามาเพิ่มเติมได้ เราก็สามารถคืนหนี้ กฟผ. ไปได้เรื่อยๆ
ส่วนปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนการผลิตมีผลนั้น ก็คือ LNG ราคาดี รวมถึงสถานการณ์ปริมาณก๊าซในอ่าวไทย โดยเฉพาะแหล่งเอราวัณที่ดูจะได้ปริมาณเพิ่มขึ้น แต่ในขณะที่แหล่งอื่นๆลดลง หรือ เท่าเดิม ส่วนแหล่งพม่านั้นมีปริมาณลดลง ซึ่งในอดีตถ้าก๊าซมีราคาแพง เราก็จะใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า แต่ปัจจุบันราคาก๊าซค่อนข้างถูก เราจึงใช้ก๊าซเป็นตัวหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้า ส่วนช่วงนี้ที่ประชาชนจะมีการใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนนั้น เราได้เตรียมการรองรับไว้แล้ว แต่ก็ขอเรียนให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าทุกคนทราบว่า แม้เราจะรู้สึกว่าใช้ไฟเท่าเดิม แต่ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นก็อาจทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นได้ เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำงานในอุณหภูมิสูงจะกินไฟมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม เลขาฯ กกพ. กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า แม้ปริมาณก๊าซในแหล่งงเอราวัณที่ดูจะได้เพิ่มมากขึ้น จะมีส่วนทำให้ราคาค่าไฟปรับลดลงได้หรือไม่นั้น ตามข้อมูลบอกไว้ว่า แหล่งเอราวัณ จะมีปริมาณก๊าซเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนเมษายน และถ้าหากย้อนไปดูข่าวในอดีต เคยมีกรณีที่แหล่งเอราวัณไม่ได้ก๊าซตามปริมาณที่คิด ก็ทำให้ต้องไปเร่งจากแหล่งอื่นเพิ่มเข้ามาทดแทน ซึ่งพอถูกเร่งก็ทำให้ปริมาณแหล่งอื่นลดลง พอแหล่งเอราวัณได้เพิ่มขึ้น เมื่อมารวมกันก็จะได้ปริมาณก๊าซเท่าเดิม ทำให้ไม่มีผลถึงการปรับลดค่าไฟเท่าไรนัก แต่ในช่วงนี้ถือว่าโชคดีที่ LNG มีราคาถูกเลยไม่ค่อยมีผลกระทบเท่าไหร่ แต่ถ้ามีราคาแพงก็อาจจะแย่หน่อย
คลิปอีจันแนะนำ
ตาหลอย ใจสู้ อายุ 70 เพิ่งเห็นทะเลครั้งแรก