วันนี้ (9 ก.ย. 62) อีจันได้รับเรื่องร้องเรียนเข้ามาใน #อีจันอินบ็อกซ์ ขอความเป็นธรรมให้กับหลานชาย วัย 20 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้ม และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อผลเอกซเรย์ออกมา แพทย์แจ้งว่า “นิ้วเท้า กระดูกนิ้วนางข้างซ้ายหัก” แต่แพทย์รักษาน้องด้วยการใช้ผ้าพันนิ้วที่หักรวมกับนิ้วที่อยู่ใกล้กัน โดยไม่มีการเข้าเฝือก หรือใช้อะไรดามไว้ตอนที่พันผ้า และไม่มีการอธิบายเพิ่มเติม เกี่ยวกับขั้นตอนการดูแลรักษา
ภาพข้อความร้องเรียนในอีจันอินบ็อกซ์
จนกระทั่ง 3 วันต่อมา น้องรู้สึกเจ็บแผลมาก พ่อของน้องรู้สึกไม่สบายใจ จึงเปิดผ้าที่พันไว้ออกมา ปรากฏว่า ก็เห็น 2 นิ้ว ที่ถูกผ้าพันไว้เปลี่ยนเป็นสีเข้ม พ่อจึงรีบพาน้องไปหาแพทย์คนเดิมที่รักษา เมื่อแพทย์เห็นนิ้วเท้า ก็แจ้งว่าต้องตัดนิ้วเท้าทั้ง 2 ทิ้ง เพราะเนื้อตรงนิ้วตาย พ่อกังวลใจมากที่จะให้แพทย์คนเดิมรักษาต่อ และต้องการให้ลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น แต่แพทย์คนดังกล่าว ก็แจ้งว่า ถ้าจะนำตัวน้องไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น พ่อต้องเซ็นเอกสารยินยอมเพื่อจะไม่เอาความก่อน จากนั้นถึงจะสามารถนำตัวน้องไปรักษาที่อื่นได้ พ่อจึงต้องจำใจเซ็นเอกสาร เพื่อให้ลูกไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอื่นที่ใหญ่กว่า เพราะไม่อยากให้ลูกโดนตัดนิ้วเท้า เมื่อนำตัวน้องไป รักษาที่โรงพยาบาลแห่งใหม่ ทันทีเมื่อแพทย์เห็นแผลน้อง ก็ทราบถึงสาเหตุที่น้องเป็นแบบนี้ เพราะการพันแผลไม่ถูกต้องสุดท้ายแพทย์ก็ลงความเห็นว่าจะต้องตัดเนื้อที่ตายทิ้ง
ภาพจากอีจัน
อีจัน ติดต่อไปยังศัลยแพทย์กระดูกและข้อ ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพื่อสอบถามการรักษาที่ถูกต้อง กรณีกระดูกนิ้วเท้าหัก ได้ข้อมูลว่า การรักษามีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ที่รักษา มีทั้งการรักษาแบบเข้าเฝือกทั้งเท้า และการรักษาแบบดามนิ้วเท้าที่หัก ส่วนกรณีที่รักษาด้วยการพันนิ้วที่หักไว้กับนิ้วที่อยู่ใกล้กัน ก็สามารถทำได้ เพราะเป็นการดามนิ้วที่หักให้ตรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยและดุลยพินิจของแพทย์ 
ภาพบาดแผลที่นิ้วเท้า
ภาพบาดแผลที่นิ้วเท้า
ภาพบาดแผลที่นิ้วเท้า
สุดท้ายที่น้องต้องถูกตัดนิ้วเพราะอะไร? เป็นเพราะการรักษาที่ไม่ถูกต้องหรือไม่? และใครต้องรับผิดชอบ? ยังคงเป็นความสงสัยที่พ่อและญาติของน้องค้างคาใจ เด็กที่กำลังจะเติบโตและมีอนาคตที่ดี ต้องกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิตอย่างนี้หรือ?