เปิดตัว iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max งานนี้เงินในกระเป๋าสั่นมาก!!

แอปเปิล เปิดตัว iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max มีอะไรใหม่บ้าง เช็กเลย!

เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ iPhone 11 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ประจำปี 2019 ของแอปเปิล นอกจากนี้ แอปเปิล ยังจัดหนักจัดเต็มด้วยการเปิดตัว iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max มือถือสเปกระดับเรือธงด้วยสโลแกน "กล้องก็โปร จอภาพก็โปร ประสิทธิภาพก็โปร"

iPhone 11

หลังจากเปิดตัวแล้ว ก็มาดูกันว่า แต่ละรุ่นมีการอัพเกรด และปรับปรุงอะไรบ้าง


เริ่มต้นที่ iPhone 11 ออกมาตามข่าวลือที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้เลยสำหรับ iPhone 11 หรือ iPhone XR รุ่นที่สอง แต่ปีนี้มีการอัพเกรดสเปกให้ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมกับ ราคาที่ถูกลงด้วย!

iPhone 11

มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีม่วง, สีขาว, สีเขียว, สีเหลือง, สีดำ และสีแดง นอกจากนี้ยังปรับกล้องหลังเป็นกล้องคู่ที่เรียงอยู่ในกรอบมุมซ้ายบนตัวเครื่อง เรียกได้ว่าตรงตามภาพหลุดเกือบทุกอย่าง

iPhone 11

โดยไฮไลต์ของ iPhone 11 อยู่ที่กล้องหลังคู่ โดยกล้องทั้ง 2 ตัว มีความละเอียดเท่ากันที่ 12 ล้านพิกเซล แบ่งเป็นกล้องปกติ (Wide camera) และกล้องมุมกว้างพิเศษ (Ultra-wide camera) พร้อมปรับ
ปรุงระบบประมวลผลรูปภาพหลายอย่าง เช่น ถ่ายภาพ Portrait เนียนตากว่าเดิม ภาพไม่เบี้ยว, มี Night Mode สำหรับถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย ส่วนกล้องหน้า TrueDepth อัพเกรดเป็น 12 ล้านพิกเซล รองรับ การถ่ายในแนวนอน การถ่ายวิดีโอแบบ Slow-mo หรือ Slofies

iPhone 11

หน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว Liquid Retina HD ที่แอปเปิลยังเคลมว่าเป็นหน้าจอ LCD ที่ดีที่สุดเหมือนเดิม และแสดงผลสีแบบ True Tone ใช้ซีพียู Apple A13 Bionic ทั้งจีพียูและซีพียูเร็วและแรงที่สุดใน

ตลาดสมาร์ตโฟนตอนนี้, ปรับปรุง Face ID ปลดล็อกได้เร็วกว่าเดิม, กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 และแบตเตอรี่ที่เคลมว่าใช้งานได้นานกว่า iPhone XR ถึง 1 ชั่วโมง

สเปกเบื้องต้นของ iPhone 11

– หน้าจอ 6.1 นิ้ว LCD (Liquid Retina display) ความละเอียด HD (1,792 × 828 พิกเซล), 326ppi
– ซีพียู A13 Bionic 64-bit Six-core, 8-core Neural Engine
– หน่วยความจำ 64GB, 128GB,256GB
– รัน iOS 13
– กันน้ำกันฝุ่น IP68
– รองรับ 2 ซิม (nano + eSIM)
– กล้องหลังคู่ 12 ล้านพิกเซล wide-angle (f/1.8), กันสั่น, True Tone flash, ถ่ายวิดีโอ 4K 60 fps, Slo‑mo 1080p at 240 fps, 12 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา
Ultra Wide (f/2.4), ซูมออปติคอล 2 เท่า และซูมดิจิทัล 5 เท่า
– กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล, f/2.2, Retina Flash
– รองรับ FaceID, ลำโพงสเตอริโอ
– ขนาดตัวเครื่อง 150.9 × 75.7 × 8.3 มม., น้ำหนัก 194 กรัม
– รองรับ Gigabit-class LTE up to 1.6Gbps, 802.11ax Wi‑Fi 6 with 2×2 MIMO, Bluetooth 5.0, NFC with reader mode, GPS with
GLONASS
– แบตเตอรี่รองรับ Qi wireless charging, fast charging

iPhone 11

ราคา iPhone 11 


– ความจุ 64GB ราคา $699 (ประมาณ 21,900 บาท
– ความจุ 128GB ราคา $749 (ประมาณ 22,900 บาท)
– ความจุ 256GB ราคา $849 (ประมาณ 26,900 บาท)

ทั้งนี้ iPhone 11 เปิดให้สั่งจองล่วงหน้าแล้วในต่างประเทศ และจะวางจำหน่ายจริงวันที่ 20 กันยายน 2562 สำหรับในประเทศไทย ราคาเริ่มต้นของ iPhone 11 อยู่ที่ 24,900 บาท คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคม

ต่อกันด้วย iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max เป็นรุ่นที่อัพเกรด และปรับปรุงมาจาก iPhone XS นั่นเอง มาพร้อมสีใหม่ คือ สีเขียวมิดไนท์กรีน และสีเดิม คือ สีทอง, สีเทาสเปซเกรย์ และเงิน

iPhone 11

มีหน้าจอแบบใหม่ เรียกว่า Super Retina XDR


ขนาดหน้าจอของทั้งคู่เหมือนเดิมที่ 5.8 และ 6.5 นิ้ว แต่อัพเกรดสเปก ซึ่ง Apple เรียกหน้าจอใหม่นี้ว่า Super Retina XDR Display สว่างกว่าที่ 1,200 nit รองรับ HDR10 ประหยัดแบตเตอรีมากกว่าเดิม 15%

ที่ดีงามคือแบตเตอรี ซึ่งแอปเปิลเคลมไว้ว่า iPhone 11 Pro มีระยะเวลาการใช้งานที่นานขึ้นอีก 4 ชั่วโมง เทียบกับ iPhone XS และ iPhone 11 Pro Max ใช้งานได้นานขึ้นอีก 5 ชั่วโมง เทียบกับ iPhone XS Max

iPhone 11

จุดเด่นของ iPhone 11 Pro และ 11 Pro Max คือกล้องหลังที่อัพเกรดเป็นสามตัว ตามข่าวลือ ประกอบไปด้วย กล้องหลัก กล้องซูม และกล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษ 120 องศา โดยแอปเปิลบอกว่ากล้องของ iPhone 11 Pro สามารถเก็บแสงได้มากกว่า iPhone XS ถึง 40% รองรับ Night mode เช่นเดียวกันกับ iPhone 11 แต่ที่น่าสนใจกว่าคือฟีเจอร์ Deep Fusion

iPhone 11

ราคาและกำหนดการวางจำหน่าย


iPhone 11 Pro

– ความจุ 64GB ราคา $999 หรือประมาณ 30,900 บาท
– ความจุ 256GB ราคา $1,149 หรือประมาณ 35,900 บาท
– ความจุ 512GB ราคา $1,349 หรือประมาณ 41,900 บาท

iPhone 11

iPhone 11 Pro Max


– ความจุ 64GB ราคา $1,099 หรือประมาณ 33,900 บาท
– ความจุ 256GB ราคา $1,249 หรือประมาณ 38,900 บาท
– ความจุ 512GB ราคา $1,449 หรือประมาณ 44,900 บาท

ทั้งนี้ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max เริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าในอเมริกาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 กันยายนเป็นต้นไป และจะวางจำหน่ายจริงวันที่ 20 กันยายน 2562

สำหรับในประเทศไทยราคาของ iPhone 11 Pro จะเริ่มต้นที่ 35,900 บาท ส่วน iPhone 11 Pro Max เริ่มต้นที่ 39,900 บาท และคาดว่าน่าจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคม

เห็นแบบนี้แล้วสาวกแอปเปิลว่าไงกันบ้าง สวยถูกใจไหมเอ่ย? ใครเป็นสาวกแอปเปิลเตรียมตัวควักเงินในกระเป๋ารอเลยจ้าาาาาาา