กระตุกหนวดเสือ!!! ปลอมไลน์ รองโจ๊ก หลอกขายตำแหน่ง ตร.

กระตุกหนวดเสือ!!! ปลอมไลน์ รองโจ๊ก หลอกขายตำแหน่ง ตร.
วันนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. แถลงข่าว จับคนร้ายปลอมไลน์หลอกซื้อขายตำแหน่ง ตำรวจ

19 พ.ค.61 ที่ผ่านมามีผู้เสียหายเข้าร้องเรียน ที่ สภ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ถูกคนแอบอ้างเป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. หลอกขายตำแหน่งราชการตำรวจในพื้นที่ ตำรวจภูธรภาค 4 ตำรวจสืบสวนจึงทำการสอบปากคำ พบว่ามีผู้เสียหายถึง 6 ราย ให้การว่า… ผู้ต้องหา เพิ่มเพื่อนผ่านทางไลน์ไปทาง ผู้เสียหายรายที่ 1 โดยใช้รูปโปรไฟล์เป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล และใช้ชื่อว่า คนดีมีแต่ให้ โดยผู้ต้องหาติดต่อพูดคุยกับผู้เสียหาย จนเกิดความสนิทใจกัน ต่อมามีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2560 ผู้ต้องหาได้อ้างว่าตนสามารถโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการตำรวจให้สูงขึ้น หรือย้ายไปอยู่ในพื้นที่ที่ต้องการได้ แต่ต้องมีค่าดำเนินการ และให้ผู้เสียหายรายที่ 1 ไปหาข้าราชการตำรวจที่มีความต้องการโยกย้ายมาเพิ่ม ได้ผู้เสียหายรวมเป็น 6 คน และมีข้อตกลงต้องจ่ายเงินครึ่งหนึ่งก่อน โดยแต่ละคนมีค่าดำเนินการแตกต่างกันไป ผู้เสียหายรายที่ 1 จ่าย 510,000 บาท ผู้เสียหายรายที่ 2 จ่าย 500,000 บาท ผู้เสียหายรายที่ 3 จ่าย 2,500,000 บาท ผู้เสียหายรายที่ 4 จ่าย 100,000 บาท ผู้เสียหายรายที่ 5 จ่าย 500,000 บาท ผู้เสียหายรายที่ 1 จ่าย 100,000 บาทรวมมูลค่า 4,210,000 บาท

จนกระทั่งมีคำสั่งโยกย้าย แต่ไม่ปรากฏชื่อของผู้เสียหายทั้ง 6 ราย จึงเกิดความสงสัย จึงทวงถามไปยัง ผู้ต้องหา ซึ่งได้คำตอบว่า ต้องรอคำสั่งในวาระถัดไป ซึ่งยืนยันว่าจะได้แน่นอน ผู้เสียหายเริ่มสงสัย ว่าผู้ต้องหา จะใช่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ จริงหรือไม่ จึงไปร้องทุกข์ที่ สภ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ตำรวจทำการสอบสวนสืบสวนจนพบว่า ผู้ก่อเหตุคือนาย นายไพจิตร์ สายยา จึงข้อศาลออกหมายจับ ถูกดำเนินคดีฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และ ความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

เมื่อ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ตัวจริงทราบเรื่อง จึงสั่งการชุดสืบสวนติดตามจนพบว่า นายไพจิตร์ อาศัยอยู่ที่ สุขไทยอพาร์ทเมนท์ ซอยอ่อนนุช 46 เขตสวนหลวง กทม. จึงสั่งกำลังเฝ้าติดตามจนสามารถจับกุมได้ในที่สุด

ซึ่งนายไพจิตร์ รับสารภาพว่าแอบอ้างเป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ จริง โดยนำเงิน 4 ล้านกว่าบาท ไปซื้อที่ดิน 16 ไร่ และรถยนต์ 1 คัน
ส่วนของกลางตำรวจได้อายัดไว้ดำเนินคดีจนกว่าจะสิ้นสุดจึงจะคืนทรัพย์ให้ผู้เสียหายทั้ง 6

สำหรับคดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการให้ดำเนินคดีอาญาและความผิดทางวินัยร้ายแรงกับตำรวจทั้ง 6 นาย ในฐานะสนับสนุนให้มีการเรียกรับผลประโยชน์