ดีเดย์ 9 ม.ค. 66 เอาจริงแน่ เริ่มตัดคะแนนใบขับขี่ เช็กหลักเกณฑ์ได้แล้ว

พร้อมหรือยัง ! ดีเดย์ 9 ม.ค. 66 เริ่มใช้ระบบตัดคะแนนใบขับขี่ ควบคุมความประพฤติในการขับรถ ค้างจ่ายค่าปรับตามใบสั่งตัดแต้มด้วย เปิดเงื่อนไขตัดคะแนน – วิธีคืนคะแนน เช็กให้พร้อมเลย

ดีเดย์ 9 ม.ค. 66 เริ่มใช้ระบบตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถเสริมสร้างวินัยจราจร เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน

ล่าสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกรมขนส่งทางบก บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ ธนาคารกรุงไทย ร่วมกันพัฒนาระบบที่ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบคะแนนหรือชำระค่าปรับ ผ่านระบบฐานข้อมูลบันทึกคะแนนความประพฤติของผู้บับขี่ ซึ่งมีการตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ 20 ฐานความผิดตัด 1 – 4 คะแนน ค้างจ่ายค่าปรับตามใบสั่งตัดแต้มด้วย โดยเปิดวิธีคืนคะแนน – เช็กสถานะ ช่องทางจ่ายค่าปรับจราจร เพื่อเสริมสร้างวินัยจราจร เป้าหมายเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้อย่างจริงจัง ในวันที่ 9 มกราคม 2566

พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า การตัดแต้มใบขับขี่ คิดขึ้นมาด้วยหลักการณ์ของความเท่าเทียมกัน เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นใคร มีเงินมากขนาดไหน ก็จะมี 12 คะแนนเท่ากัน และ หลักการของการให้โอกาส โดยการตัดคะแนนใบขับขี่ ผู้มีใบอนุญาตขับขี่ จะเริ่มต้นด้วยการมี 12 คะแนน และมีหลักเกณฑ์ในการตัดคะแนน คือ ตัดคะแนนทันทีที่ทำผิด และ ตัดคะแนนเมื่อไม่ชำระค่าปรับตามใบสั่ง โดยจะไม่มีการตัดแต้มครั้งเดียวจนหมด เพื่อให้โอกาสปรับตัว

6 เรื่องต้องรู้ การตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ หรือ ตัดแต้มใบขับขี่

  1. ขับรถต้องมีใบขับขี่ โดยผู้ขับขี่ทุกคน มี 12 คะแนน

  2. ทำผิดกฎจราจร ใน 20 ฐานความผิดที่อาจก่ออุบัติเหตุ หรือไม่ชำระค่าปรับจราจร ถูกตัดคะแนน ตั้งแต่ 1 – 4 คะแนน ขึ้นอยู่กับความผิด

  3. หากถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 จะถูกพักใช้ใบขับขี่ 90 วัน

  4. ฝ่าฝืนขับรถในช่วงถูกพักใบขับขี่ มีโทษจำคุก 3 เดือน และ/หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท

  5. คืนคะแนนได้ ด้วยการเข้าอบรมกับกรมการขนส่งทางบก หรือรอให้ครบ 1 ปี จะได้คะแนนคืนอัตโนมัติ

  6. หากถูกพักใช้ใบขับขี่เป็นครั้งที่ 3 ภายในรอบ 3 ปี อาจถูกพักใช้ใบขับขี่มากกว่า 90 วัน และหลังจากนั้น ภายใน 1 ปี หากถูกตัดคะแนนอีกจนถูกพักใช้ใบขับขี่เป็นครั้งที่ 4 อาจถูกเพิกถอนใบขับขี่ทุกประเภท

“การตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ เรายึดหลักความโปร่งใส และความเท่าเทียมกัน โดยให้โอกาสปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรม และป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ตามมาตรฐานสากล เพื่อลดอุบัติเหตุ และสร้างความปลอดภัยให้ทุกคน” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าว

หลักเกณฑ์การ ตัดแต้มจราจร

  1. ตัด 1 คะแนน เช่น ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ , ไม่สวมหมวกนิรภัย , ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย , ขับรถเร็วเกินกำหนด , ขับรถบนทางเท้า , ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย , ไม่หลบรถฉุกเฉิน , ขับรถโดยประมาท , น่าหวาดเสียว , ขับรถไม่ติดป้ายทะเบียนหรือเปลี่ยนแปลงปิดบัง และไม่ติดป้ายภาษี

  2. ตัด 2 คะแนน เช่น ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร (ฝ่าไฟแดง) , ขับรถย้อนศร และขับรถระหว่างโดนพักใช้ หรือเพิกถอนใบขับขี่

  3. ตัด 3 คะแนน เช่น ขับรถชนแล้วหนี ขับรถในขณะไม่สภาพร่างกายไม่พร้อม ขับผิดวิสัยคนขับปกติ

  4. ตัด 4 คะแนน เช่น เมาแล้วขับ ขับรถในขณะเสพยาเสพติด แข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น(ยกล้อ ขับปาด)

การคืนคะแนน แบ่งเป็นการคืนคะแนนโดยตโนมัติ และการคืนคะแนนเมื่อผ่านการอบรมจากกรมการขนส่งทางบก ดังนี้

1. การคืนคะแนนอัตนมัตินั้น คะแนนที่ถูกตัดไปในแต่ะครั้ง จะได้รับคืนเมื่อครบกำหนด 1 ปี นับแต่วันกระทำผิดครั้งนั้นๆ เว้นแต่เป็นกรณีที่ถูกตัดเหลือ 0 คะแนน จะได้รับคืนเมื่อพันกำหนดเวลาการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ โดยได้รับคืนเพียง 8 คะแนน

2. การคืนคะแนนโดยวิธีการเข้ารับการอบรมกับกรมการขนส่งทางบกอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งมี 2 กรณี

ㆍกรณีที่คะแนนเหลือน้อยกว่า 6 คะแนน สามารถขอเข้ารับการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกได้ แต่อบรมได้เพียงปีละ 2 ครั้ง

ㆍกรณีที่ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน และต้องการคะแนนกลับคืนมาทั้งหมด 12 คะแนน สามารถขอเข้ารับการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกได้

ทั้งนี้การคืนคะแนนทั้ง 2 รูปแบบ คือเมื่อครบหนึ่งปีจะได้คืนอัตโนมัติ กับเมื่อเหลือน้อยกว่า 6 คะแนน หรือเหลือ 0 คะแนน แล้วผ่านการอบรมกับกรมการขนส่งทางบกที่จัดปีละ 2 ครั้ง ทั้งนี้ ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบคะแนนหรือชำระค่าปรับผ่านเว็บไซต์ E-Ticket PTM, แอป KHUB DEE หรือแอปเป๋าตังค์

การอบรมเพื่อขอคืนแต้มใบขับขี่

โดยมีหลักเกณฑ์การอบรมในครั้งที่ 1 ในรอบปีมีจำนวนทั้งหมด 3 หลักสูตร ประกอบด้วย วิชาความรู้พื้นฐาน เช่น สถานการณ์อุบัติเหตุในปัจจุบัน ปัจจัยที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ วิชากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรใช้รถใช้ถนน และผลกระทบที่เกิดจากอุบัติเหตุ รวมถึงวิชาความรู้ตามข้อหาความผิดที่ผู้เข้ารับการอบรมได้กระทำเมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่กำหนดแล้ว ต้องเข้ารับการทดสอบและต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 60% จึงจะถือว่าผ่านการอบรมและทดสอบ ถ้าไม่ผ่านสามารถแก้ตัวใหม่เป็นครั้งที่ 2 ในวันเดียวกัน หากยังไม่ผ่านการทดสอบอีก จะออกใบนัดมาทำการทดสอบแก้ตัวใหม่เป็นครั้งที่ 3 ภายใน 7 วันนับแต่วันที่เข้ารับการทดสอบครั้งแรกไม่ผ่าน อบรมเสร็จต้องทดสอบให้ผ่าน จึงได้แต้มคืน ซึ่งผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ผ่านการอบรมและการทดสอบแล้ว กรมการขนส่งทางบกจะแจ้งผลการอบรมและการทดสอบ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการคืนคะแนนต่อไป

หลักเกณฑ์การอบรมเพื่อขอคืนคะแนนความประพฤติในการขับรถ

ㆍหลักสูตรกรณีขอคืนคะแนนไม่เกินจำนวน 12 คะแนน มีระยะเวลาการอบรมไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง หลักสูตรกรณีขอคืนคะแนนไม่เกินจำนวน 9 คะแนน มีระยะเวลาการอบรมไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง

ㆍหลักสูตรกรณีขอคืนคะแนนไม่เกินจำนวน 6 คะแนน มีระยะเวลาการอบรมไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง

โดยจะได้รับคืนคะแนนความประพฤติในการขับรถ ตามจำนวนคะแนนที่ผ่านการอบรมและทดสอบตามหลักสูตร แต่เมื่อรวม

คะแนนที่ได้รับคืนมาแล้ว จะมีคะแนนรวมไม่เกิน 12 คะแนนการอบรมครั้งที่ 2 เมื่ออบรมครั้งที่ 1 แล้วถูกตัดคะแนนอีกครั้งในรอบปี

ㆍหลักสูตรคืนคะแนนกลับมาเป็น 6 คะแนน มีระยะเวลาการอบรมไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง

ส่วนผู้ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ต้องเข้ารับการอบรมหลักสูตรกรณีถูกสั่งพักใช่ใบอนุญาตขับขี่ เพื่อขอคืนคะแนนกลับมาเป็น 12 คะแนน มีระยะเวลาการอบรมไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง

โดยผู้ประสงค์เข้ารับการอบรมและทดสอบ เพื่อขอคืนคะแนน สามารถแจ้งความประสงค์พร้อมหลักฐาน ใบอนุญาตขับขี่หรือบัตรประจำตัวประชาชน ณ กรมการขนส่งทางบก สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-4 หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด

ขอบคุณข้อมูล : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ,  ร่วมกับกรมขนส่งทางบก

คลิปแนะนำอีจัน
ปังทั้งหมู่บ้าน ถูกหวย 9 งวดติด