ธปท. คุมเข้ม ธุรกรรมการเงิน โอนเงินเกิน 5 หมื่น ต้อง สแกนใบหน้า

ธปท. วางมาตรการป้องกัน มิจฉาชีพ สั่งคุมเข้ม ธุรกรรมการเงิน หาก โอนเงินเกิน 5 หมื่น ต้อง สแกนใบหน้า ยืนยันตัวตนด้วย

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันภัยทุจริตทางการเงินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและหลากหลายรูปแบบ ส่งผลกระทบให้ประชาชนต้องสูญเสียทรัพย์สิน เงินเก็บ

ธปท. เร่งแก้ปัญหาให้ประชาชน ด้วยการกำชับให้ สถาบันการเงิน เร่งจัดการปัญหาให้ประชาชนโดยเร็ว โดยธปท. ได้ออกแนวนโยบาย มาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

1. มาตรการป้องกัน เพื่อปิดช่องทางที่มิจฉาชีพจะเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น ด้วยการงดส่งลิงก์ทุกประเภทผ่าน SMS, อีเมล, และงดส่งลิงก์ขอข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน และเลขบัตรประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย จำกัดจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน mobile banking (username) ของแต่ละสถาบันฯ ให้ใช้ได้ใน 1 อุปกรณ์เท่านั้น โดยต้องแจ้งเตือนผู้ใช้บริการ mobile banking ก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง และพัฒนาระบบความปลอดภัยบน mobile banking ให้เท่าทันภัยการเงินรูปแบบใหม่อยู่ตลอดเวลา ตลอดจนต้องยกระดับความเข้มงวดในกระบวนการยืนยันตัวตนขั้นต่ำด้วยการใช้เทคโนโลยีเปรียบเทียบข้อมูลอัตลักษณ์ทางกายภาพของลูกค้า (biometrics) เช่น สแกนใบหน้า ในกรณีลูกค้าขอเปิดบัญชีโดยผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร (non-face-to-face) หรือทำธุรกรรมผ่าน mobile banking ในเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เช่น โอนเงินมากกว่า 50,000 บาท หรือปรับเพิ่มวงเงินทำธุรกรรมต่อวันเป็นตั้งแต่ 50,000 บาท ขึ้นไป นอกจากนี้ จะกำหนดเพดานวงเงินถอน/โอนสูงสุดต่อวันให้เหมาะสมตามระดับความเสี่ยงของกลุ่มผู้ใช้บริการแต่ละประเภท โดยลูกค้าสามารถขอปรับได้ตามความจำเป็น และต้องยืนยันตัวตนอย่างเข้มงวด

2. มาตรการตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัย เพื่อช่วยจำกัดความเสียหายได้เร็วขึ้น และลดการใช้บัญชีม้า

3. มาตรการตอบสนองและรับมือ เพื่อจัดการปัญหาให้ผู้เสียหายได้เร็วขึ้น ให้ธนาคาร ทุกแห่งต้องมีช่องทางติดต่อเร่งด่วน ตลอด 24 ชั่วโมง แยกจากช่องทางให้บริการปกติ เพื่อให้ผู้ใช้บริการแจ้งเหตุได้โดยเร็ว รวมทั้งให้ดูแลรับผิดชอบผู้ใช้บริการ หากพบว่าความเสียหายเกิดจากข้อบกพร่องของธนาคาร

ทั้งนี้ ธปท. ได้เร่งให้ธนาคารทุกแห่ง ต้องดำเนินมาตรการทั้งหมดโดยเร็ว โดยได้มีการเริ่มดำเนินการในบางมาตรการแล้ว ขณะที่มาตรการที่เหลือส่วนใหญ่จะกำหนดให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2566 และจะเร่งดำเนินการสำหรับบางมาตรการที่มีความซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการปรับปรุง ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนดต่อไป โดย ธปท. จะประเมินประสิทธิผลของการดำเนินการ และจะทบทวนปรับปรุงมาตรการเป็นระยะ เพื่อให้สามารถป้องกันและแก้ไขภัยทุจริตทางการเงินได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์

คลิปอีจันแนะนำ
บิ๊กโจ๊กรับ ตม. 116 นาย มีเพื่อนตนจริง! ตม.เอื้อประโยชน์ทุนจีนเทา