เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 65 ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนจำนวน 1,250 ตัวอย่าง ซึ่งเป็นการสำรวจระหว่างวันที่ 12-17 ก.ย.65 ก่อนเทศกาลกินเจที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 25 ก.ย.หรือ 26 ก.ย.นี้ โดยกินทั้งหมด 9 วัน พบว่า ประชาชน 66% ระบุว่า จะไม่กินเจ สาเหตุหลัก คือ อาหารเจแพง เศรษฐกิจไม่ดี รสชาติไม่อร่อย และที่บ้านไม่มีใครกิน
ขณะที่ประชาชนอีก 34% ระบุว่า กินเจ เพราะตั้งใจทำบุญ ชอบอาหารเจ กินตามคนที่บ้านหรือคนรอบข้าง และมีคุณค่าทางอาหาร ส่วนพฤติกรรมการกินเจในครั้งนี้ ประชาชน 81.2% ระบุว่า จะกินตลอดช่วงเทศกาล ขณะที่ประชาชนอีก 18.8% ระบุว่า จะกินเจเฉพาะบางมื้อ โดยช่องทางในการเลือกซื้ออาหารเจ ส่วนใหญ่เป็นการซื้อด้วยตนเอง 91.8%
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการเลือกซื้ออาหารเจ คือ ความปลอดภัยต่อสุขภาพ 22 % ชื่อเสียงของร้าน 18.8% รสชาติ 11.2% และสามารถเก็บไว้ได้นาน 11%
ขณะที่การขอพรในช่วงเทศกาลกินเจ คือ ขอให้มีโชค มีกิจการรุ่งเรือง มีเงินไหลมาเทมา ขอให้มีความสุข สมหวัง และประสบความสำเร็จ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัย ขอให้โควิดหมดไปไวๆ และขอให้เศรษฐกิจดี มีแต่ความโปร่งใส
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เทศกาลกินเจในปี 2565 จะมีเงินสะพัด หรือมูลค่าการใช้จ่ายราว 42,235 ล้านบาท ขยายตัวจากปี 2564 ประมาณ 5.2% ที่มีเงินสะพัดราว 40,147 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 4,185.88 บาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว และเดินทางไปต่างจังหวัด
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า มูลค่าการใช้จ่ายปีนี้เพิ่มขึ้น มาจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งมูลค่าการจับจ่ายใช้สอยยังคงอยู่ในระดับต่ำ ไม่กลับมาอยู่ในระดับปกติ หรือเท่ากับมูลค่าในปี 2558 ที่ 42,209 ล้านบาท หรือเรียกว่ายังไม่คึกคักในรอบ 7 ปี สรุปคือ กินเจปีนี้คนพร้อมจับจ่ายใช้สอยในสัดส่วนที่มากขึ้น ซึ่งเศรษฐกิจจะฟื้นตัวแบบอ่อนๆ จะเห็นได้จากพฤติกรรมการกินเจปีนี้ คนเริ่มกลับมากินเจตลอดเทศกาลมากขึ้น หรือ 81.2% จากปีก่อนที่ 62.9% ซึ่งถือว่าปีนี้สูงสุดในรอบ 4 ปี
คลิปอีจันแนะนำ
โย่ว! ก็เเรปสอนไปเลยสิค้า